16 ตุลาคม 2553

เผชิญการบั่นทอน

สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2010
เทศนาเรื่อง “เผชิญการบั่นทอน”
พระธรรม เนหะมีย์ 4:10-23
     คำเทศนาตอนนี้สืบเนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา ที่เราได้ศึกษาผ่านมาแล้วว่า เนหะมีย์ได้เผชิญกับอุปสรรคขัดขวางมากมาย  แต่เนหะมีย์ก็สามารถผ่านพ้นมาได้ มาถึงตอนนี้อุปสรรคก็ยังไม่ได้หมดไป แต่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคอื่นๆ อีกต่อไป อุปสรรคที่เนหะมีย์และพี่น้องต้องเผชิญกับแรงกดดันก็ทำให้พี่น้องคนยิวที่มาร่วมกันซ่อมกำแพงหมดกำลังใจ อันเนื่องมาจากการข่มขู่คุกคาม ของศัตรูที่อยู่โดยรอบ พระคัมภีร์ได้บอกเราว่าพี่น้องคนยิวในเวลานั้นถูกขู่ฆ่าเอาชีวิตถึง 10 ครั้ง (นหม.4:11-12) อีกทั้งยังมีคนที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเนหะมีย์อีก เราเห็นตั้งแต่การเทศนาครั้งที่ผ่านมาแล้วว่า กลุ่มของช้าราราชการบางกลุ่มไม่ยอมทำงานอะไร และงานก็ยังหนักมากด้วย เนื่องจากความเสียหายมีมาก ทั้งประตู ทั้งกำแพง ที่ปรักหักพังลงมา ทำให้บั่นทอนจิตใจทั้งเนหะมีย์และพี่น้องคนยิวในเวลานั้นเป็นอย่างมาก ผมจะให้ชื่อคำเทศนาตอนนี้ว่า “เผชิญการบั่นทอน” เนหะมีย์เผชิญการบั่นทอนจากอะไรบ้าง และเนหะมีย์ทำอย่างไรจึงสามารถพรพี่น้องคนยิวเอาชนะสิ่งเหล่านั้นมาได้  มี 3 สิ่งที่เนหะมีย์กำลังเผชิญ ดังนี้
     1 ความเหน็ดเหนื่อย (นหม.4:10)
งานซ่อมกำแพงเยรูซาเล็มที่ปรักหักพังมีมากมาย เราเห็นตั้งแต่บทแรกๆ ของพระธรรมเนหะมีย์มาแล้วว่า มีประตูถูกเผาทำลาย ทั้งวงกบและบานประตูเสียหายหมด กำแพงก็พังทลายหลายที่หลายแห่ง บางที่ก็ทะลุเป็นช่องโหว่ ช่องว่าง อีกทั้งวัสดุที่จะนำมาซ่อมก็ไม่ใช่จะหาง่าย พระคัมภีร์บอกว่า “เรี่ยวแรงของคนที่ขนของก็กำลังทรุดลง และมีสิ่งที่ปรักหักพังมาก” ความเหน็ดเหนื่อยได้เข้ามาสู่คนทุกคนในเวลานั้น งานก็มีมาก อุปสรรคก็ไม่น้อย ย่อมสร้างความวิตกกังวลให้เกิดขึ้นเป็นธรรม แต่เราควรจะทำอย่างไร ที่จะเอาชนะสิ่งเหล่านั้น ความเหน็ดเหนื่อย ไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะกับเนหะมีย์เท่านั้น แต่มันเกิดกับทุกคน เราเห็นเกิดขึ้นกับ เอลียาห์ ที่ต้องเผชิญกับผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จถึง 450 คน ที่ภูเขาคารเมล (1พกษ.18:19-20) และยังมาเจอกับการไม่ตัดสินใจที่จะเลือกติดตามพระเจ้าของคนอิสราเอลอีก (1พกษ.18:21-22) หลังจากนั้นเอลียาห์ ก็ต้องเผชิญกับการขู่เอาชีวิตของเยเซเบลอีก ทำให้เอลียาห์ต้องหนีเอาชีวิตรอด ไปถึงเบเออร์เชบา เขตประเทศยูดาห์ (1พกษ.19:2-3) เอลียาห์ เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ เกิดความท้อแท้ จนถึงขั้นขอพระเจ้าให้มาเอาชีวิตของท่านไป (1พกษ.19:4) แต่พระเจ้าก็มีทางออกให้กับเอลียาห์ (1พกษ.19:5-11) พี่น้องที่รัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา พระเจ้าทรงมองดูอยู่ พระองค์จะทรงช่วยเหลือเรา เราจะสามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไปได้ เหมือนอาจารย์เปาโล ได้บอกให้เรารู้ว่า ท่านสามารถเผชิญทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังท่าน (ฟป.4:13)
     2 ความกลัว (นหม.4:12, 14)
คนยิวหรือคนอิสราเอลในเวลานั้น ถูกขู่ฆ่าทำร้ายตั้ง 10 ครั้ง ทำให้เกิดความกลัวเข้ามาเกาะกินในจิตใจของคนเหล่านั้น จนทำให้พวกเขาต้องมาบอกให้เนหะมีย์รู้ว่ามีการขู่ฆ่าเอาชีวิต แต่ผู้นำอย่างเนหะมีย์ มีจิตใจที่หนักแน่น ไม่หวั่นไหวอย่างง่ายๆ และเนหะมีย์มั่นใจในน้ำพระทัยของพระเจ้าที่เรียกให้เนหะมีย์กลับมาบูรณะเยรูซาเล็ม พี่น้องที่รักเมื่อพระเจ้าเรียกเราให้ทำสิ่งใดให้เรามั่นใจในการทรงเรียกของพระเจ้า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ตาม เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าจะนำเราข้ามไปและความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า เนหะมีย์ ไม่ได้ปล่อยให้ความกลัวเข้ามาครอบครองในจิตใจ เพราะเนหะมีย์รู้ว่า ถ้าท่านเกิดความกลัวขึ้นมาอีกคนรับรองได้ว่างานจะไม่สำเร็จ เนหะมีย์รู้ว่าทีมงานมีความกลัว ก็หนุนใจทีมงานว่า “อย่ากลัวเขาเลย” (นหม.4:14) เราต้องไม่ปล่อยให้ความกลัวมีชัยชนะเหนือเรา เราต่างหากเป็นผู้ชนะความกลัว  ความกลัวต้องถอยออกไป เราสามารถเอาชนะความกลัวได้ด้วยความรัก พระคัมภีร์บอกเราว่า “ในความรักนั้นไม่มีความกลัว” (1ยน.4:18) เราต้องขอความรักของพระเจ้าเติมให้เต็มในหัวใจของเรา เนหะมีย์ไม่เพียงแต่หนุนใจว่า อย่ากลัวเขาเลยเท่านั้น แต่เนหะมีย์บอกให้อิสราเอลว่า “จงระลึกถึงพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและน่าเกรงกลัว ผู้ที่ต่อสู้เพื่อท่านทั้งหลาย” (นหม.4:14) ไม่ว่าอะไรเข้ามาในชีวิตของเราให้เรามองดูที่พระเจ้า อย่ามองที่ปัญหาเท่านั้น เพราะว่ามันจะบั่นทอนจิตใจของเรา ถ้าความเจ็บป่วยเข้ามาในชีวิตของเรา ให้เรามองดูพระเจ้า อย่านอนจมอยู่ในความเจ็บป่วยนั้น จงรู้ว่า พระเจ้าจะช่วยเหลือคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง (รม.8:28) สำคัญอยู่ที่ว่าเรารักพระเจ้าหรือเปล่า และถามต่อไปว่า เรารักพระเจ้ามากขนาดไหน ดังนั้นเราต้องรักพระเจ้าเหมือนที่พระเจ้ารักเรา เมื่อเรามั่นใจว่าเรารักพระเจ้าจริงๆ เราไม่ต้องกลัวว่าพระเจ้าจะทอดทิ้งเรา พระเจ้าสัญญากับคนอิสราเอลว่าพระองค์จะอยู่ด้วยกับเขา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งเขา (ยชว.1:1-9) พี่น้องที่รักเราเป็นลูกของพระเจ้า พระเยซูตายเพื่อเรา เราเป็นยิ่งกว่าคนอิสราเอลที่กบฏอยู่เนืองนิตย์ ในพระเจ้าไม่มีความกลัว ให้เราอยู่ในพระเจ้าตลอดเวลา
     3 ศัตรู (นหม.4:11, 13, 16-23)
ศัตรูที่อยู่รอบไม่ว่าจะเป็นสันบาลลัท โทบีอาห์ อัสโดด ที่รายล้อมอิสราเอลอยู่รอบเยรูซาเล็ม ทั้งถากถาง เยอะเย้ย ดูถูกดูแคลน รวมทั้งขู่ฆ่าเอาชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่า (นหม.4:11) ตลอดเวลาเกือบ 2 เดือน สิ่งเหล่านี้บั่นทอนจิตใจได้เป็นอย่างดี นี่ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงทิ้งไปแล้ว แต่เพราะเป็นการทรงเรียกของพระเจ้าทำให้เนหะมีย์สามารถเอาชนะศัตรูได้ เราเห็นกำแพงเยรูซาเล็มซ่อมเสร็จภายในเวลา 52 วันเท่านั้น เนหะมีย์สามารถเอาชนะได้อย่างไร 3 ประการ
        3.1 ปิดจุดอ่อน (นหม.4:13)
เนหะมีย์ป้องกันโดยการปิดจุดอ่อนให้หมด เนหะมีย์มองดูว่าตรงไหนเป็นจุดอ่อนที่จะทำให้ถูกโจมตีได้ เนหะมีย์ปิด เราคนไปใส่ หาทางป้องกันล่วงหน้า พี่น้องที่รัก เราต้องดูว่าอะไรเป็นจะอ่อนในชีวิตของเราที่มารซาตานจะใช้เป็นช่องทางโจมตีเรา หรือทำร้ายเรา ถ้าจุดอ่อนของเราเป็นเรื่องการเงิน เราก็ต้องระมัดระวัง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ถ้าจุดอ่อนของเราเป็นเรื่องเพศ เราก็ต้องระมัดระวังไม่เปิดช่องไม่อยู่สองต่อสองกับเพศตรงข้าม มองหาให้เจอว่าจุดอ่อนของเราคืออะไร คริสตจักรก็เช่นกันก็ต้องมองดูว่าอะไรเป็นจุดอ่อน ถ้าการประกาศเป็นจุดอ่อนเราก็ปิดโดยการจัดประกาศ พาพี่น้องออกไปประกาศ ถ้าจุดอ่อนเป็นเรื่องการเลี้ยงดูเราก็ปิดด้วยการลงไปเลี้ยงดู หน้าที่เราคือต้องหาให้พบว่าอะไรคือจุดอ่อน
        3.2 สร้างภาระใจ (นหม.4:13)
ไม่เพียงแต่ปิดจุดอ่อน เนหะมีย์ยังสร้างภาระใจให้กับทุกคน โดยมองดูว่าใครมีภาระใจเรื่องอะไรก็เอาคนไปใส่ไว้ตามนั้น หรือหนุนใจให้เกิดภาระใจเกิดขึ้น  เราต้องดูว่าเรามีภาระใจเกี่ยวกับเรื่องอะไร เราต้องมองดูลูกแกะของเราว่าเค้ามีภาระใจเกี่ยวกับเรื่องอะไร ก็หนุนใจให้เค้าทำตามภาระใจ แต่ถ้าหากลูกแกะของเรายังไม่มีภาระใจเราก็สร้างภาระใจให้กับเค้า
        3.3 ร่วมมือร่วมใจ (นหม.4:16-23)
เนหะมีย์ให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้งานคืบหน้าไปมาก คนก็เกิดกำลังใจขึ้นอย่างมาก คนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี บางคนเป็นยาม บางคนมือข้างหนึ่งถืออาวุธมืออีกข้างหนึ่งก็ทำงาน บางคนกลางวันทำงานกลางคืนเป็นยาม บางคนไม่ได้กลับบ้านในเวลากลางคืน เนหะมีย์บอกว่า คนที่อยู่กับเนหะมีย์ไม่มีใครได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แสดงว่าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันอย่างแท้จริง พี่น้องที่รักถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันประกาศ ติดตามผล เลี้ยงดู ผมเชื่อว่างานของพระเจ้าจะเจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก ถ้าเราอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในคริสตจักรเราจะต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่เพียงแต่ร่วมมือเท่านั้นแต่ต้องร่วมใจด้วย

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
อ.สวัสดิ์ พันชนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น