21 กันยายน 2554

พระเจ้ารู้จักเรา


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2011

พระธรรม เยเรมีย์ 1:5-8, สดด.139:15-18
เทศนาโดย Jeffrey Tan

พระธรรมเยเรมีย์ ได้ขึ้นต้นในข้อ 5 ว่า เราได้รู้จักเจ้าก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าที่ในครภ์และก่อนที่เจ้าจะคลอดจากครรภ์” นั่นแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าทรงรู้จักเราเป็นอย่างดี รู้จักเราตั้งแต่ก่อนที่เราจะเกิดอีก พระเจ้าทรงรู้ทุกอย่างที่เป็นเรา เราเป็นอย่างไรพระองค์ทรงรู้ เรามีข้อบกพร่องอะไรพระองค์ทรงรู้ พระองค์ทรงรู้ถึงความจำกัดของเรา เราทำความผิดบาปอะไรพระองค์ทรงรู้ พระองค์ทรงปั้นส่วนภายในของเรา (สดด.139:13-18) เราจึงไม่ได้เกิดมาอย่างที่เรียกว่าด้วยความบังเอิญ หรือไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมาเหมือนกับเด็กบางคนที่พ่อแม่ยังไม่พร้อมและเกิดความผิดพลาดทำให้เด็กเกิดมา แต่นี่เป็นการปั้นแต่ของพระเจ้า เป็นการเจาะจงให้เราเกิดมา จากพระธรรม 2 ตอนนี้เราเห็น สิ่งอัศจรรย์ 3 ประการ คือ

1. เราถูกสร้างมาอย่างมีคุณค่าในพระเจ้า
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าเราจะเกิดมาในสังคมแบบใด หรือเกิดมาในครอบใด เราก็เป็นคนที่มีคุณค่าในพระเจ้าเสมอ แม้คนอื่นจะมองดูเราอย่างไรก็ตาม แต่ในสายตาของพระเจ้าเราเป็นคนที่มีคุณค่า ซึ่งจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบไม่ได้ เรามีคุณค่าเท่าเทียมกับคนต่างๆ เรารู้และเรามั่นใจได้ว่าเราทั้งหลายไม่ว่าจะเกิดมาในชาติตระกูลใดเราเป็นคนที่มีคุณค่าในพระเจ้า เพราะว่าพระเยซูได้มาตายเพื่อไถ่บาปให้กับเราทุกคนที่กางเขน (ยน.3:16) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี

2. เราถูกสร้างมาอย่างมีวัตถุประสงค์
พระเจ้าไม่ได้สร้างเรามาด้วยความบังเอิญ แต่มีพระประสงค์สำหรับเราแต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจง มีภาระกิจบางอย่างให้เราทำ พระเจ้าอาจจะให้บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ ให้บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ ให้บางคนเป็นอาจารย์ และบางคนเป็นศิษยาภิบาล เราทั้งหลายต่างก็มีของประทานแตกต่างกันไป เพื่อให้เราเสริมสร้างกันและกัน เราจึงมีคุณค่าต่อกันและกัน พระเจ้าจะใช้เราแต่ละคนตามของประทานที่พระเจ้าประทานให้กับเรา ในเยเรมีห์ตอนนี้ พระเจ้าเรียกเยเรมีห์มาแล้วแต่งตั้งให้เป็นผู้เผยพระวจนะ ให้กับคนอิสราเอล ดังนั้นเราควรที่จะรับใช้พระเจ้าตามของประทานความสามารถที่พระเจ้าประทานให้กับเรา เพื่อให้เราทำตามวัตถุประสงค์ของพระเจ้าให้สำเร็จ

3. เราถูกสร้างมาเพื่อมุ่งไปสู่พระสัญญาของพระเจ้า
หมายความว่า พระเจ้าสร้างเรามาและพระองค์สัญญากับเราไว้ว่า เมื่อเราทำตามน้ำพระทัยและแผนการของพระเจ้า เราจะได้รับตามที่พระเจ้าสัญญาไว้ พระสัญญาของพระเจ้ามีมากมายในพระคัมภีร์ ที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ สิ่งนั้นจะเป็นจริงในชีวิตของผู้เชื่อที่ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ผู้เขียนสดุดี ได้บอกว่า “พระดำริของพระองค์ประเสริฐแก่ข้าพระองค์จริงๆ รวมกันเข้าก็ไพศาลนักหนา  ถ้าข้าพระองค์จะนับก็มากกว่าเม็ดทราย” (สดด.139:17-18) พระพรของพระเจ้ามากมายที่จะมาถึงชีวิตของเรา  (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

20 กันยายน 2554

หนังสือคู่มืออดอาหารอธิฐาน 40 วัน

เรียนศิษยาภิบาล ผู้นำคริสตจักร

คริสตจักรใดต้องการหนังสือคู่มืออดอาหารอธิษฐาน

ในปีนี้คณะกรรมการเครือข่ายอธิษฐานอวยพรประเทศไทย ได้จัดทำหนังสือเฝ้าเดี่ยวขึ้นมาจำนวน 50,000 เล่ม เพื่อเเจกฟรีให้กับพี่น้องคริสเตียนทั่วประเทศ คริสตจักรใดต้องการหนังสือเฝ้าเดี่ยว สามารถติดต่อขอรับ หรือต้องการให้จัดส่งให้ (มีค่าจัดส่ง) ติดต่อที่ อ.ขจร ภูพาน โทรฯ 088-553 5315 หรือส่งอีเมล์ไปที่ churchofpeace2010@gmail.com เพื่อจะได้ดำเนินการให้ตามวัตถุประสงค์ต่อไป


คณะกรรมการอธิษฐานอวยพรประเทศไทยฝากขออภัยในความล่าช้าของคู่มือเฝ้าเดี่ยวมา ณ โอกาสนี้ด้วย

19 กันยายน 2554

อดอาหารอธิษฐาน

การอดอาหารอธิษฐาน เป็นการอธิษฐานอีกรูปแบบหนึ่ง นอกเหนือจากการอธิษฐานแบบปกติทั่วไปแล้ว การอดอาหารอธิษฐาน ก็เพื่อต้องการมีเวลาที่จะอธิษฐานกับพระเจ้ามากขึ้น และเป็นการวิงวอนต่อพระเจ้า ซึ่งการอดอาหารนั้น มีการทำกันมาตั้งแต่สมัยธรรมบัญญัติ เราสังเกตเห็นไ้ด้ในหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อมีการอดอาหารร่วมกับการอธิษฐานเราก็มักจะเห็นว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานนั้น

คริสเตียนจึงนิยมอดอาหารในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเ้จ้าเป็นพิเศษ หรือต้องการแสวงหาคำตอบบางอย่างจากพระเจ้า หรือต้องการรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าในบางเรื่องบางอย่าง หรือต้องการให้พระเจ้ารักษาอาการเจ็บป่วย หรือเรื่องอื่นๆ ที่ต้องการให้พระเจ้าเข้ามามีส่วนร่วมในพันธกิจนั้น ก็จะใช้วิธีการอดอาหาร หรือในบางครั้งการอดอาหารและอธิษฐาน จะกระทำต่อเมื่อได้อธิษฐานแบบปกติไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบหรือการเปิดเผยจากพระเจ้าก็มักจะใช้วิธีการอดอาหารและอธิษฐานด้วย

ในหลายปีที่ผ่านมาผู้รับใช้พระเจ้า ศิษยาภิบาลของคริสตจักรต่างๆ ผู้นำองค์กร ในประเทศไทยได้รวมตัวกันเพื่ออธิษฐานอวยพรประเทศไทยและได้ขยายวงออกไปสู่สมาชิกในคริสตจักร รวมถึงได้จัดให้มีการอดอาหารและอธิษฐานอวยพรประเทศไทยของเราต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีการกำหนดให้มีวันสำหรับที่คริสเตียนทุกคณะนิกายที่อยู่ในประเทศไทยมารวมตัวกันอธิษฐานอวยพรประเทศไทย จนกลายเป็นวันรวมพลังอธิษฐานอวยพรประเทศไทย ซึ่งเรียกกันอย่างเป็นทางการว่า "วันอธิษฐานแห่งชาติ"

ก่อนที่จะถึงวันอธิษฐานแห่งชาติ คริสเตียนไทยทั้งประเทศจะร่วมใจกันอดอาหารเพื่ออธิษฐานเผื่อประเทศไทยตามหัวข้อต่างๆ ที่เป็นเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ หรือสถานการณ์ต่างๆ ในช่วงเวลานั้น อีกทั้งยังมีหัวข้อที่เราต้องการเห็นพระเจ้าอวยพรประเทศไทยของเราอย่างไรบ้าง โดยจะมีการอดอาหารอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลา 40 วันและในแต่ละวันก็จะมีบทเรียนให้ศึกษา เรียกว่าบทเรียนเฝ้าเดี่ยว ในช่วงแรกๆ ของการอดอาหารไม่ได้กำหนดช่วงที่แน่นอน แต่มาระยะหลังๆ ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนเหมือนๆ กันทุกปี เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและเพื่อให้คริสตจักรต่างๆ ได้จัดโปรแกรมให้สอดคล้องกันทั้งประเทศ ซึ่งมีการกำหนดช่วงเวลาเอาไว้ สำหรับการอดอาหาร โดยเริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม ถึง 9 พฤศจิกายน ของทุกปี และกำหนดให้วันอธิษฐานแห่งชาติ เป็นวันอาทิตย์ถัดไป

การจัดงานวันอธิษฐานแห่งชาตินั้นได้จัดอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นทุกปี ซึ่งใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา รูปแบบการจัดการรวมพลังอธิษฐานได้จัดให้มีการเดินอธิษฐานไปตามที่ต่างๆ ที่กำหนดไว้ เช่น

ในปี 2009 ได้จัดเดินอธิษฐานในกรุงเทพฯชั้นใน คือเริ่มต้นขบวนที่หน้าโรงแรมเซ็นทรัลแกรน ออกเดินไปตามถนนราชประสงค์ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกประตูน้ำ มุ่งหน้าสี่แยกราชเทวี เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกราชเทวี มุ่งหน้าสี่แยกปทุมวัน มุ่งหน้าตรงกับมายังจุดเริ่มต้นที่หน้าโรงแรมเซ็นทรัลแกรน และมารวมพลังอธิษฐานอวยพรประเทศไทยที่หน้าโรงแรม

ต่อมาในปี 2010 ที่ผ่านมา ได้ไปใช้สถานที่ใต้สพานพระราม8 โดยจัดรูปแบบเช่นเดียวกับปี 2009 คือจัดขบวนเดินอธิษฐานโดยเริ่มต้นที่ท้องสนามหลวง เดินผ่านหน้าวัดพระเเก้ว เลี้ยวซ้ายไปตามถนน ผ่านหน้าศาลอาญาเดิม มุ่งหน้าไปสะพานพระปิ่นเกล้า ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าโดยใช้บรรใดด้านข้าง และไปลงบรรใดด้านฝั่งธน เดินลอดใต้สะพานไปยังใต้สะพานพระราม8 ไปรวมตัวกันอธิษฐานที่นั่น

สำหรับปีนี้การอดอาหารและอธิษฐานก็จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้และไปสิ้นสุดในวันที่ 9 พฤศจิกายนเช่นทุกปี

ในปีนี้คณะกรรมการเครือข่ายอธิษฐานอวยพรประเทศไทย ได้จัดทำหนังสือเฝ้าเดี่ยวขึ้นมาจำนวน 50,000 เล่ม เพื่อเเจกฟรีให้กับพี่น้องคริสเตียนทั่วประเทศ คริสตจักรใดต้องการหนังสือเฝ้าเดี่ยว สามารถติดต่อขอรับ หรือต้องการให้จัดส่งให้ (มีค่าจัดส่ง) ติดต่อที่ อ.ขจร ภูพาน โทรฯ 088-553 5315 หรือส่งอีเมล์ไปที่ churchofpeace2010@gmail.com เพื่อจะได้ดำเนินการให้ตามวัตถุประสงค์ต่อไป

คณะกรรมการอธิษฐานอวยพรประเทศไทยฝากขออภัยในความล่าช้าของคู่มือเฝ้าเดี่ยวมา ณ โอกาสนี้ด้วย

และสถานที่จัดงานวันรวมพลังอธิษฐานอวยพรประเทศไทยหรือวันอธิษฐานแห่งชาติ กำลังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาต ซึ่งคณะกรรมการจัดงาน มีความประสงค์ที่จะใช้สถานที่ที่อยู่กลางๆเมือง ฝากพี่น้องอธิษฐานเผื่อการติดต่อและจัดเตรียมสถานที่ด้วยครับ

ขอพระเจ้าเสริมกำลังพี่น้องทุกท่านในการเตรียมตัวและเตรียมใจในการร่วมใจกันอดอาหารและอธิษฐานอวยพรประเทศไทยของเราด้วยกัน เพื่อให้พระเ้จ้าทรงโปรดนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆ อีกทั้งเห็นการอวยพรของพระเจ้ามายังคริสตจักรต่างๆ ในประเทศไทย ให้เห็นการเจริญเติบโตมากขึ้น และมีคนไทยมาเชื่อวางใจในพระเจ้ามากยิ่งขึ้นครับ

18 กันยายน 2554

พระพรวันนี้

สวัสดีทุกท่านครับ

วันนี้มีผู้รับใช้พระเจ้า ชื่อ Jeffrey Tan มาจากประเทศออสเตเลีย ท่านเป็นคนสิงคโปร และเคยเป็นศิษยาภิบาลร่วมที่คริสตจักรในประเทศสิงคโปร ปัจจุบันท่านย้ายไปทำงานอยู่ที่ประเทศออสเตเลีย ได้มาประเทศไทยและได้มาเทศนาที่คริสตจักรในช่วงเช้า เป็นที่หนุนใจพี่น้องอย่างมาก ท่านบอกว่า ถ้าวันนี้เมื่อฟังท่านเทศนาจบแล้วจำอะไรไม่ไ้ด้มาก ก็ขอให้จำไว้ 3 ประการก็พอ คือ

1. พระเจ้าทรงสร้างเรามาและทรงเห็นว่าเรามีคุณค่าอย่างมาก
2. พระเ้จ้าทรงสร้างเรามาและมีพระประสงค์อย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับเราแต่ละคน
3. พระเจ้าทรงสร้างเรามาและได้จัดเตรียมพระพรไว้ให้กับเราตามพระสัญญาของพระองค์

ทั้ง 3 ประการนี้ ทำให้เราต้องตระหนักกว่า เราจะต้องมองดูชีวิตของเราในสายตาแบบพระเจ้า เราต้องมองให้เห็นว่าเป็นคนที่มีคุณค่าอย่างมาก เหมือนที่พระัเจ้ามองเราอย่างนั้น เพื่อเราจะได้ไม่ดำเนินชีวิตไปวันๆอย่างไร้ควาามหมาย หรือไม่มีคุณค่าอะไรเลย อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องตระหนัก ก็คือว่า พระเจ้ามีพระประสงค์หรือแผนการพิเศษสำหรับเราแต่ละคน พระองค์ปรารถนาที่จะให้เราอยู่ในแผนการและน้ำพระทัยของพระองค์ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือว่า เราทั้งหลายได้ทำตามแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือยัง หรือเราไ้ด้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างครบถ้วนแล้วหรือยัง สิ่งที่เราต้องตระหนักอีกประการหนึ่งก็คือ เป้าหมายที่แท้ัจริงของเราคืออะไร เราวางเป้าหมายชีวิตของเราเพื่อตัวเราหรือว่าเพื่อพระเจ้ากันแน่

เราต้องกลับมาทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมาที่เราได้ทำไป ว่าสิ่งเหล่านั้นเหมาะสม ถูกต้อง และสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่อย่างไร

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

16 กันยายน 2554

พิเศษสุด

เรียนพี่น้องทุกท่านในพระเยซูคริสต์

เนื่องจากวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายนที่จะถึงนี้ ที่คริสตจักรแห่งสันติภาพ ได้รับเกีัยรติจาก Pastor Jeffrey Tan ท่านเป็นทั้งนักธุรกิจ และผู้รับใช้พระเจ้า จะไปเทศนาที่คริสตจักรแห่งสันติภาพ ในช่วงเช้า เวลา 09.30-12.00 น และในช่วงบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.00-15.00 น ท่านจะสอน เรื่องการบริหารการเงิน การสร้างทีมงาน และการบริหารโครงการ

 จึงขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านที่สนใจที่จะรับฟังคำเทศนาและคำสอนของท่านสามารถที่จะไปร่วมรับฟังได้ที่คริสตจักรแห่งสันติภาพ ห้องประชุมโรงเรียนบางกะปิ (ตรงข้ามนิด้า) ถ.เสรีไทย ติดด่อสำรองที่นั่งได้ที่ อ.สวัสดิ์ 089 117 0770

ฟรี

 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org

รื้อฟื้นความสัมพันธ์

สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011

พระธรรม เนหะมีย์ 9:1-37

เนหะมีย์บทที่ 9 ได้ชี้ให้เราเห็นภาพคนอิสราเอลยังรู้สึกโศกเศร้าเสียใจกับความผิดบาปที่บรรพบุรุษและพวกเขาได้กระทำผิดต่อพระเจ้า จนต้องทำให้พวกเขาเองต้องตกไปเป็นทาสที่บาบิโลน แต่พระเจ้าทรงเมตตาได้นำกลับมายังเยรูซาเล็ม และรื้อฟื้นสิ่งที่ปรักหักพังให้กลับคืนมาใหม่ในยุกของเนหะมีย์ โดยได้สร้างกำแพงเสร็จใน 52 วัน และเนหะมีย์ยังไม่วางรากฐานที่สำคัญให้กับอิสราเอลนั่นคือการวางรากฐานด้วยพระวจนะของพระเจ้า ไม่เพียงแต่เนหะมีย์ได้วางรากฐานที่สำคัญให้กับอิสราเอลแล้ว ยังได้นำพวกเขากลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่พวกเขาได้สูญเสียไปให้กลับคืนมาเหมือนเดิม สิ่งที่จะช่วยให้เกิดการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเจ้าให้กลับคืนมาได้นั้นมีคือ
1. ท่าทีที่ถูกต้อง (นหม.9:1-2)
พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าคนอิสราเอลได้กลับใจใหม่และเสียใจกับความผิดบาปที่พวกเขาและบรรพบุรุษของเขาได้กระทำ เราเห็นสิ่งที่แสดงออกมาเป็นการกระทำภายนอกที่บ่งบอกถึงท่าที่ที่อยู่ภายในที่ถูกต้องคือ
1.1 ท่าทีแห่งการถ่อมใจ
คนอิสราเอลได้ชุมนุมกันเพื่อถืออดอาหารและนุ่งห่มผ้ากระสอบและเอาดินใส่ศีรษะ ซึ่งเป็นอาการของคนที่กลับใจใหม่ ยอมจำนนต่อพระเจ้า แสดงที่ตระหนักว่าตนเองไม่ดีพอ
1.2 ท่าทีแห่งการถวายตัว
เป็นการยินยอมมอบถวายแด่พระเจ้า โดยเฉพาะการมอบถวายชีวิตของตนเองให้กับพระเจ้า พระคัมภีร์บอกว่า คนอิสราเอลแยกตัวออกมาจากคนต่างชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนการแยกของถวายแด่พระเจ้า
1.3 ท่าทีแห่งการสำนึกบาป
ในตอนท้ายของข้อ 2 บอกว่า พวกเขาได้ยืนสารภาพบาปของเขาและของบรรพบุรุษของเขา เมื่อมาถึงจุดแห่งการกลับใจจากบาป สำนึกว่าตนเองทำบาปแล้วกลับใจใหม่

2. การนมัสการและการสรรเสริญ (นหม.9:3-37)
เราได้เห็นสิ่งที่คนอิสราเอลกล่าวสรรเสริญพระเจ้า จากพระธรรมตอนนี้ 6 ประการคือ
2.1 พระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์ (นหม.9:5-6)
พวกอิสราเอล ได้สรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นฟ้าสวรรค์ หรือว่าแผ่นดินโลก และสรรพสิ่งทั้งสิ้นในโลกนี้
2.2 พระเจ้าผู้ทรงเรียกและเลือกเรา (นหม.9:7-8)
เพราะว่าพระเจ้าทรงเรียกเราและเลือกเราเป็นพิเศษ ให้มาเป็นชนชาติของพระเจ้าเป็นชนชาติที่บริสุทธิ์
2.3 พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ (นหม.9:9-12)
คนอิสราเอลระหนักดีว่าพระเจ้าทรงทดพระเนตรดูความทุกข์ใจของพวกเค้า และเมื่อพวกเค้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าแล้วพระองค์ก็จะทรงช่วยเขา ให้รอดพ้นจากความทุกข์และสิ่งต่างๆที่เขากำลังเผชิญอยู่
2.4 พระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมและจัดสรร (นหม.9:13-15)
พระองค์ทรงนำพวกเขาในถิ่นทุระกันดาร พระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างดี พวกเขาเดินอยู่ในถิ่นทุระกันดาร 40 ปี พวกเขาไม่เคยอดอยาก
2.5 พระเจ้าทรงอดทนนาน (นหม.9:16-25)
แม้ว่าพวกอิสราเอลจะทำผิดมากมาย ทำให้พระเจ้าทรงเสียพระทัยหลายครั้งก็ตาม พระองค์ก็ยังทรงรักและทรงเมตตาต่อพวกเขาเสมอ พระองค์ทรงอดทนกับคนอิสราเอลอย่างมาก
2.6 พระเจ้าผู้ทรงตีสอน (นหม.9:26-31)
แม้ว่าพระเจ้าทรงรักและเมตตาพวกเขามากเพียงไร แต่พระองค์ก็ทรงยอมเจ็บปวดที่จะตีสอนคนของพระองค์ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้และพร้อมที่จะรับพระพรต่อไป

ดังนั้นเราต้องกลับมาหาพระเจ้าระลึกถึงพระคุณความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราอย่างมากมาย ทรงพร้อมที่จะให้อภัย พร้อมที่จะยกโทรให้กับเราทั้งหลาย พระองค์ไม่เคยจดจำความผิดของเรา ให้เราถ่อมใจลงเข้ามาหาพระเจ้าด้วยท่าทีที่ถูกต้อง ให้เรากล้าที่จะเข้ามารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเจ้า เพื่อพระพรจะมาถึงชีวิตของเราทั้งหลายทุกคน (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

02 กันยายน 2554

การรักษาความสำเร็จ


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2011

พระธรรม เนหะมีย์ 7:1-73

            พระธรรมเนหะมีย์บทที่ 7 นี้ ได้กล่าวถึงภาระใจของเนหะมีย์ที่ไม่ต้องการเห็นเพียงความสำเร็จที่ได้สร้างกำแพงเยรูซาเล็มที่ปรักหักพังไป ให้กลับสู่สภาพเดิมเท่านั้น แต่ต้องการให้เยรูซาเล็มสามารถที่จะอยู่ต่อไปได้ และประชาชนได้รับการดูแล และคนรุ่นลูกรุ่นหลานอยู่อย่างมีความสุข เนหะมีย์ไม่ได้มองที่เพียงกำแพงเยรูซาเล็ม แต่มองที่ชุมชนอิสราเอล กำแพงเยรูซาเล็มเป็นเหมือนชีวิตของประชาชน ที่จะรักษาชีวิตในการติดตามพระเจ้าตลอดชั่วลูกชั่วหลาน  เนหะมีย์ทำอย่างไรถึงได้รักษาความสำเร็จเอาไว้ได้ จากพระธรรมตอนนี้ชี้ให้เราเห็นคือ

1. เลือกคน (นหม.7:1-2)
เนหะมีย์รู้ว่า ถ้าจะรักษาความสำเร็จเอาไว้ให้ได้จะต้องมีคนมาดูแลต่อ ต้องมีคนมาทำหน้าที่ต่างๆ เพื่อป้องกันและรักษากำแพงเอาไว้ให้ได้ เพราะว่าในเวลานั้นมีคนที่ไม่พอใจหรือต้องการขัดขวางการสร้างกำแพงเยรูซาเล็มของเนหะมีย์ อย่างที่เราได้เห็นกันมาแล้วว่ามีการขัดขวางมากมายเพียงไร  เนหะมีย์ตระหนักว่า คนมีความสำคัญต่อความสำเร็จและต่อการรักษาความสำเร็จอย่างมาก เนหะมีย์เลือกคนอย่างไรที่จะรักษาความสำเร็จเอาไว้ได้

1.1 เลือกคนที่เหมาะสม (นหม.7:1)
เนหะมีย์ได้เลือกคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ต่างๆ  เพราะรู้ว่าถ้าหากได้คนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่แล้วก็เชื่อได้แน่นอนว่าสิ่งนั้นจะสำเร็จหรือว่าจะสามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ การงานใดๆ ก็ตามถ้าหากเราสามารถได้คนที่เหมาะสมเข้ามาทำงาน เราจะพบว่าการงานนั้นก็มีแต่เจริญรุ่งเรือง  เราไม่ควรตั้งใครขึ้นมาทำหน้าที่ต่างๆ เพียงเพราะความเกรงใจ หรือเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ควรแต่งตั้งคนที่เหมาะสมกับงานหรือหน้าที่เขาต้องทำ คนที่มีตะลันต์ หรือของประทาน ความสามารถ ตรงกับการงาน เราก็จะเห็นความสำเร็จได้ 

1.2 คนที่มีลักษณะชีวิตดี (นหม.7:2)
เนหะมีย์ไม่เพียงแต่เลือกคนที่มีความสามารถ หรือที่ความเก่งเท่านั้น แต่ต้องเลือกคนที่มีชีวิตที่ดีกับพระเจ้าด้วย เพราะว่าชีวิตเป็นเรื่องสำคัญกว่าความสามารถ ความสามารถ ความเก่งสร้างกันได้ แต่ลักษณะชีวิตต้องใช้เวลา เราเห็นเนหะมีย์เลือกคนที่มีลักษณะชีวิตที่ดี เช่น เลือกฮานานีและฮานันยาห์ มาเป็นผู้ปกครองเยรูซาเล็ม เพราะว่าเขาเป็นคนสัตย์ซื่อและยำเกรงพระเจ้า คุณสมบัติสองประการนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ความสำเร็จยืนหยัดอยู่ได้ และประชาชนที่อยู่ภายใต้การดูแลจะมีความสุข  เราเห็นเยโธรแนะนำโมเสสว่าให้เลือกและแต่งตั้งคนที่ยำเกรงพระเจ้า ไว้ใจได้ ไม่กินสินบน  (อพย.18:21) อ.เปาโลสอนทิโมธีถึงคุณลักษณะผู้ปกครองที่ดี คือต้องเป็นคนที่ไม่มีใครติได้ (1ทธ.3:1-2) คือเป็นคนที่มีลักษณะชีวิตที่ดีนั่นเอง 

2. วางระบบที่ดี (นหม.7:3-72)
เนหะมีย์ไม่เพียงแต่เลือกคนที่เหมาะสมและมีลักษณะชีวิตที่ดีเท่านั้น ยังได้มีการวางระบบการทำงานที่ดีอีกด้วย เพราะถ้ามีแต่คนที่เหมาะสมแต่ไม่มีระบบที่ดีก็ทำให้งานมีปัญหาได้เช่นกัน แม้ว่าคนจะมีความสำคัญที่สุดก็ตาม แต่ระบบที่ดีก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  ระบบเป็นกลไกลที่จะทำให้สิ่งต่างๆ ดำเนินต่อไปด้วยตัวมันเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้ามีระบบที่ดีแล้วงานต่างๆ ก็จะไม่ไปติดอยู่ที่หนึ่งที่ใด เนหะมีย์ได้จัดวางระบบที่ดี ไว้เพื่อรักษาความสำเร็จให้ยั่งยืน ระบบที่ดีของเนหะมีย์เป็นอย่างไร

2.1 ระบบที่ชัดเจน (นหม.7:3)
เนหะมีย์สร้างระบบที่มีความชัดเจน เมื่อคนที่ทำงานร่วมกันเห็นก็สามารถเข้าใจได้ทันที ในเวลานั้นเราเห็นเนหะมีย์ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยของกำแพงเมืองและประชาชนที่อยู่ในนั้นจะต้องปลอดภัย เพราะว่ากำแพงพึ่งจะสร้างเสร็จ การขัดขวางก็ยังไม่ได้หมด จึงได้วางกำลังไว้ในการดูแลประตูเมืองอย่างแข็งแรง ให้ลั่นดานประตูเอาไว้จนกว่าแดดจะร้อน เนหะมีย์สั่งอย่างชัดเจน เนหะมีย์ยังได้มีการจัดระบบฐานข้อมูลประชากรที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มในเวลานั้นด้วย เพราะว่าได้มีประชาชนที่กลับมาก่อนหน้านี้แล้วถึงสองรุ่น  เนหะมีย์จึงได้ให้ทำสำมะโนครัวประชากรเชื่อสายขึ้น มีการแบ่งงานให้กับพวกเลวีและผู้รับใช้ประจำพระวิหารด้วย

2.2 ระบบที่สร้างแรงจูงใจ (นหม.7:3-4)
ระบบที่ดีไม่เพียงแต่มีความชัดเจนแต่ยังเป็นระบบที่สร้างแรงจูงใจให้ทำตามระบบด้วย การสร้างแรงจูงใจให้คนทำตามระบบนั้น ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของผู้นำ แต่เพื่อผลประโยชน์ของผู้ที่ทำตามระบบนั้น เราเห็นเนหะมีย์ให้ประชาชนเฝ้ากำแพงที่อยู่หน้าบ้านของตนเอง เพราะถ้ามีคนบุกเข้ามาที่หน้าบ้านใครบ้านนั้นก็จะปกป้องและต่อสู้ไม่ใช่เพื่อคนอื่นเท่านั้น แต่เพื่อตัวเองก่อน เนหะมีย์ใช้กลไกลทางธรรมชาติ  ดังนั้นเองเมื่อผู้นำจะคิดระบบอะไรขึ้นมาจะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่สมาชิกจะได้รับไม่ใช่เพื่อผู้นำจะได้รับ  เนหะมีย์นึกถึงประชาชนเป็นหลัก จัดทำระบบต่างๆ ก็เพื่อประชาชนที่จะได้รับ ไม่ใช่เพื่อตนเอง

เราเห็นผลที่เกิดขึ้น นอกจากกำแพงเยรูซาเล็มจะสร้างเสร็จใน 52 วันแล้ว ในข้อ 73 ยังบอกว่าแต่ละคนได้กลับไปอาศัยตามหัวเมืองของเขาอย่างปกติสุข
เราต้องมาช่วยกันสร้างคนและระบบที่ดีให้เกิดขึ้นในครริสตจักรเพื่อจะทำให้คริสตจักรเจริญรุ่งเรืองเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ