28 กุมภาพันธ์ 2554

ขอบคุุณพี่น้องทุกคน

ขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่จัดงานวันเกิดให้ผมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอบคุณที่ให้เกียรติและเห็นคุณค่าผม และให้โอกาสผมได้รับใช้พระเจ้าและรับใช้พี่น้องในคริสตจักรนี้ ผมภูมิใจที่ได้ร่วมผูกพันชีวิต และร่วมรับใช้กับพี่น้องที่รักพระเ้จ้า ผมสัมผัสได้ว่า พี่น้องในคริสตจักรนี้ รักพระเจ้าอย่างจริงใจ มีหัวใจที่มอบถวายให้กับพระเจ้า และพร้อมที่จะทุ่มเททั้งชีวิตให้กับพระเจ้าและพันธกิจของพระองค์ ผมเชื่อว่า พระเจ้าต้องภูมิใจในสิ่งที่พี่น้องได้ทำเื่พื่อพระเจ้า และผมมั่นใจว่า พระเจ้าจะทรงโปรดอวยพรพี่น้องทุกคนและคริสตจักรของพระองค์ให้บริบูรณ์ในทุกสิ่ง

และขอบคุณพระเจ้า ที่สัปดาห์นี้เป็นอีกสัปดาห์หนึ่งที่พระเจ้าทรงโปรดอวยพรคริสตจักรของพระองค์ให้มีผู้เชื่อเพิ่มขึ้นอีกหลายคน ขอพระเจ้าทรงประทานพระพรกับพี่น้องทุกท่าน และขอให้ผู้ที่ได้ต้อนรับพระเยซูให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดมีประสบการณ์กับพระองค์ และให้ตลอดสัปดาห์นี้มีแต่สันติสุข ความชื่นชมยินดี และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการครับ

20 กุมภาพันธ์ 2554

1 ปีแห่งสันติภาพ

ดร.วีระเดช จิตศักดานนท์ คริสตจักรมหาชลร่วมแสดงความยินดีกับเรา
ขอบคุณพระเจ้า วันนี้คริสตจักรแห่งสันติภาพมีอายุครบ 1 ปีพอดี พวกเราได้จัดงานขอบคุณพระเจ้าขึ้น และเลี้ยงอาหารเที่ยงพี่น้องสมาชิกที่มาร่วมงานวันนี้ร้อยกว่าท่าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยกับพวกเราตลอดทั้งวัน วันนี้มีผู้สนใจมาคริสตจักรหลายคน และมีคนที่ตัดสินใจตอนรับพระเยซูคริสต์ด้วยความตื่นเต้นด้วย และในช่วงเช้าก็มีพี่น้องหลายต่อหลายท่านทยอยกันมาร่วมอวยพร

ขอขอบคุณที่น้องที่มาจากที่คริสตจักรต่างๆในช่้วงบ่าย มาร่วมขอบคุณพระเจ้าและอวยพรพวกเราอย่างอบอุ่น ทำให้พวกเรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่กันตามลำพัง แต่เรามีเพื่อนที่พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้างเราและเดินไปด้วยกันกับเรา เราขอบอกท่านว่าเราจะไม่ลืมวันนี้ และมีอะไรที่คิดว่าคริสตจักรเล็กๆนี้จะมีส่วนช่วยท่านได้อย่าได้เกรงใจครับ

และต้องขออภัยที่ไม่ได้เชิญเพื่อนๆอย่างเป็นทางการอีกหลายๆท่าน เนื่องจากเกรงใจและรู้ว่าเพื่อนๆติดภาระกิจที่คริสตจักรของแต่ละท่าน เนื่องจากเวลาที่เรามีจำกัด เพราะว่าสถานที่ที่เราใช้เป็นร้านอาหาร ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเริ่มรายการเร็วและเลิกเร็วทำให้ไม่สามารถจัดงานจนถึงช่วงเย็นได้

และขอขอบคุณพี่น้องอีกหลายๆท่านที่ได้ทราบข่าวการจัดงานขอบคุณพระเจ้าครั้งนี้ ได้ส่งข้อความไปแสดงความยินดีกับคริสตจักร แม้ว่าตัวไปร่วมงานไม่ได้ แต่ได้ส่งข้อความและส่งใจไปร่วมยินดีด้วย ผมรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจและความผูกพันที่มีให้กับคริสตจักรแห่งสันติภาพ ผมขอฝากคริสตจักรแห่งสันติภาพไว้ในคำอธิษฐานของพี่น้องและเพื่อนๆทุกคนครับ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

>>ชมภาพบรรยากาศภายในงานทั้งหมด <<

17 กุมภาพันธ์ 2554

เส้นทางรักแท้


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2011

พระธรรม ลูกา 10:30-35

ผมยกเหตุการณ์ตอนหนึ่งในพระคัมภีร์ขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องราวของชาวสะมาเรียผู้ใจดี เปรียบเทียบกับปุโรหิต และเลวี ทั้งหมดเดินทางมาทางเดียวกันเมื่อพบเห็นคนเจ็บนอนอยู่ริมทางอันแสนเปลี่ยวนั้น ทั้งปุโรหิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงที่สุด และเลวี เป็นคนที่จัดได้ว่ามีคุณธรรมรองลงมาจากปุโรหิต เพราะว่าเป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในพระวิหาร ซึ่งทั้งสองต่างก็เดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่สะมาเรีย หยุดให้ความช่วยเหลือ ซึ่งสะมาเรียนี้เองที่คนยิวให้การรังเกียจ เพราะสะมาเรียเป็นลูกผสม หรือลูกครึ่งระหว่างคนยิวกับคนต่างชาติ แต่สิ่งที่สะมาเรียแสดงออกมานั้น ไม่เกี่ยวกับการเป็นคนที่อยู่ในสถานไหน แต่เกี่ยวกับความรักที่อยู่ภายใน ซึ่งแสดงออกมาเป็นการกระทำภายนอก เป็นเส้นทางแห่งรักแท้ ซึ่งเราเห็น 3 ประการด้วยกัน
1. ด้วยความห่วงใย (ลก.10:30-33)
เส้นทางรักแท้ จะเต็มไปด้วยความห่วงใย โดยไม่เลือกปฏิบัติ เป็นความห่วงใยที่ออกมาจากภายใน  ความห่วงใยอันนี้แหละ คือคุณธรรมอันสูงส่งของมนุษย์  การมองเห็นของคนเราแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเห็นเป็นวิวทิวทัศน์ บางคนอาจจะเห็นเป็นเครื่องจักร บางคนอาจจะเห็นเป็นมนุษย์คนหนึ่งซึ่งมีเกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สะมาเรียผู้นี้เห็นคุณค่าชีวิตของคนยิวที่นอนบาดเจ็บอยู่  ซึ่งการทำเช่นนี้อาจจะเป็นการทำให้กับพระเจ้าก็ได้ (ฮบ.13:2) เราต้องเห็นคนมีคุณค่าเหมือนที่พระเจ้าเห็นเรามีคุณค่า ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ หรือของเล่นชิ้นหนึ่ง แล้วเราจะมีใจเมตตาสงสารและเกิดเป็นความห่วงใย
2. ด้วยการให้ (ลก.10:34)
เส้นทางรักแท้ ไม่เพียงแต่มีความห่วงใย ยังเต็มไปด้วยการให้ คือให้ในสิ่งที่ดีที่สุด  พระเยซูให้ชีวิตของพระองค์กับเราก่อนโดยที่พระองค์ไม่ได้นึกเสียดาย  เราอาจจะให้โดยปราศจากความรักได้ แต่เราไม่สามารถรักโดยปราศจากการให้ได้ สะมาเรียหยุดและให้การช่วยเหลือ สิ่งที่สะมาเรียให้ อย่างน้อย 3 สิ่งคือ สิ่งแรก คือ ตัวของเค้าเอง หมายถึง ถ้าหากเป็นกลลวงของโจร โจรจะต้องฆ่าเค้าเพื่อชิงเอาทรัพย์สินเงินทองที่ติดตัวมา  สิ่งที่สอง คือ เวลา  สะมาเรียให้เวลากับคนยิวที่บาดเจ็บยอมเสียเวลาในการเดินทาง สิ่งที่สาม คือ ทรัพย์ เค้าได้เอาทรัพย์สิ่งของที่เค้ามีอยู่เอามาใช้ในการักษาพยาบาลในเริ่มต้น ก็คือผ้าพันแผล น้ำมัน เหล้าองุ่น และให้ขี่หลังสัตว์แทนเค้า  (1ยน.3:16-17)  (มธ.5:40-41) นี่เป็นเส้นทางรักแท้ที่มีอยู่หัวใจของเราทุกคนที่นี่
3. ด้วยการช่วยเหลือจนถึงที่สุด (ลก.10:35)
เส้นทางรักแท้ไม่เพียงแต่ห่วงใยและด้วยการให้เท่านั้น แต่ยังช่วยจนถึงที่สุดอีกด้วย สะมาเรียไม่ได้แค่หยุดและทำแผลให้ แต่ได้เอาคนเจ็บไปด้วย เมื่อไปถึงที่โรงแรมที่พักแล้วก็เปิดห้องพักให้ ให้อาหารการกิน และเมื่อจะต้องเดินทางต่อไป ก็ยังได้ฝากเงินให้กับเจ้าของโรงแรมเพื่อให้ดูแลต่อ และยังสั่งไว้ว่าถ้าเกินกว่าที่ให้ไว้เมื่อกลับมาแล้วจะจ่ายที่ขาดให้อีก  สิ่งนี้จะต้องเกิดในหัวใจของเราทุกคน เราไม่สนับสนุนให้มีการยืมเงินกันในคริสตจักร เราจะสอดส่องดูแลกันว่าใครเดือดร้อน ใครยากลำบากเราจะช่วยเหลือกันนี่คือความตั้งใจของเรา  เราจะไม่ทอดทิ้งกัน เหมือนที่พระเจ้าไม่ทอดทิ้งเรา (สดด.22:24) เราจะไม่ดูถูกคนอื่น เราจะช่วยเหลือจนสุดความสามารถ แต่คนที่เป็นฝ่ายรับก็จะไม่รับอย่างเห็นแก่ตัว เอเมน
เส้นทางรักแท้ เป็นเส้นทางที่ทดสอบเราได้เป็นอย่างดี เป็นเส้นทางแห่งความท้าทาย เป็นเส้นทางที่เราตั้งใจจะไปให้ถึง เป็นเส้นทางที่เราจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยกัน (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

16 กุมภาพันธ์ 2554

ขอบคุณพระเจ้า 1 ปีแห่งสันติภาพ

ขอเชิญเพื่อนๆ และพี่น้องที่รักยิ่งในพระคริสต์ คริสตจักรแห่งสันติภาพ จะจัดนมัสการและขอบคุณพระเจ้า เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ในวันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ คริสตจักรแห่งสันติภาพได้เริ่มต้นนมัสการพระเจ้าครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2010 ณ ห้องประชุมโรงเรียนบางกะปิ จวบจนวันนี้ก็จะครบ 1 ปีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ด้วยเห็นว่าพระเจ้าทรงอยู่ด้วยและทรงนำพาคริสตจักรแ่ห่งสันติภาพตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมาด้วยพระคุณของพระองค์ พวกเราเหล่ามวลสมาชิกจึงร่วมใจกันจัดนมัสการและขอบคุณพระเจ้าขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณของพระเจ้า ที่ทรงทำพาพวกเราให้ได้มาอยู่่ร่วมกันปรนนิบัติัรับใช้

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราทั้งหลายต่างก็ได้เห็นพระคุณของพระเจ้าอย่างมาก ทำให้เราทั้งหลายอดใจไว้ไม่ได้ ที่จะไม่ขอบคุณพระเจ้า จึงขอเชิญชวนสมาชิกและพี่น้องที่ร่วมกันสนับสนุนคริสตจักรแห่งนี้ตั้งแต่วันแรกที่เราเปิดคริสตจักรขึ้น เพื่อมาร่วมกันนมัสการและขอบคุณพระเจ้า

เวลา 09.00-12.00 น อธิษฐาน นมัสการและเทศนา
เวลา 12.00-15.00 น ร่วมรับประทานอาหารกลาง และรายการพิเศษ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 089-117 0770

13 กุมภาพันธ์ 2554

ขอบคุณพระเจ้า

วันนี้ตอนเช้าที่คริสตจักรมีคนได้รับความรอด 5 ท่าน และในตอนบ่ายมีคนได้รับความรอดอีก 1 ท่าน เนื่องในเทศกาลวันแห่งความรัก ทั้ง 6 ท่าน ได้ต้อนรับเอาพระเยซูเข้ามาเป็นพระผู้ช่วยในชีวิต แต่ละท่านไ้ด้รับการอธิษฐานเผื่อ และรับคำแนะนำเบื้องต้นในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ขอพระเจ้าทรงปกป้องทั้ง 6 ท่านเอาไว้ในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ ขอพระเจ้าทรงดูแลจิตวิญญาณของทุกท่าน ขอให้มีประสบการณ์กับพระเจ้า สัมผัสความรักอันยิ่งใหญ่ของของพระเจ้าตลอดสัปดาห์นี้

ขอบคุณพระเจ้า วันนี้ดีใจมากที่ได้มีโอกาสต้อนรับเพื่อนเก่า ซึ่งเป็นเพื่อนผู้รับใช้มาพร้อมทั้งครอบครัว เป็นเพื่อนที่เคยร่วมรับใช้ด้วยกันมาหลายปี มาเยี่ยมที่คริสตจักร ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพรครอบครัวนี้ในการปรนนิบัติรับใช้ ขอพระเจ้าทรงเจิมครอบครัวนี้ให้เกิดผลในอาณาจักรของพระเจ้า ไม่ว่าอยู่ที่ไหนขอพระเจ้าให้เกิดผลร้อยเท่า

ขอบคุณพระเจ้า

11 กุมภาพันธ์ 2554

ความรักเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนโหยหา

คำว่า "ความรัก" ไม่มีใครปฏิเสธหรือไม่ต้องการ ความรักเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต่างก็โหยหา ไม่ว่าจะอยู่ีในสถานะไหนในสังคม ไม่ว่าจะมีการศึกษาหรือไม่ ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน ต่างก็แสวงหาความรักด้วยกันทั้งสิ้น แต่จะมีสักกี่คนที่ไม่เคยผิดหวังในความรัก จะมีสักกี่คนที่จะมีความสุขกับความรักตลอดชีวิต จะมีสักกี่คนที่ได้พบกับความรักที่แท้จริง 

ผมอยากจะบอกกับทุกท่านที่กำลังแสวงหาความรักที่แท้จริง หรือต้องการพบความรักที่แท้จริง หรือพบกับคนที่รักท่านอย่างแท้จริงได้ที่ไหน

หากท่านต้องการพบกับคนที่รักท่านอย่างจริงใจ ขอเรียนเชิญที่คริสตจักรแห่งสันติภาพ ตั้งอยู่ที่โรงเรียนบางกะปิ (ตรงข้ามนิด้า) ทุกวันอาทิตย์ เวลา 09.30-12.00 น ผมจะแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับผู้ที่รักท่านอย่างแท้จริง รักอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไรมาในอดีต บุคคลผู้นี้พร้อมที่จะรักท่านและให้ความรักกับท่าน ท่านไม่ต้องเสียค่าแนะนำประการใดทั้งสิ้น และผมจะแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับเพื่อนๆที่น่ารักอีกหลายๆท่านครับ

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 089-787 6497 

อยู่เพื่อคนทั้งปวง


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2011

พระธรรม โคโลสี 2:1-5

อาจารย์เปาโลหนุนใจพี่น้องที่โคโลสีให้ดำเนินชีวิตสนิทสนมกับพระเจ้า เพื่อว่าชีวิตของพวกเขาจะได้เป็นที่พอพระทัย ให้ประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งอาจารย์เปาโลได้เป็นแบบอย่างในการทุ่มเทเสียสละ ทำงานตรากตรำด้วยความอุสาหะ เพื่อพี่น้องที่โคโลสี ที่เลาดีเซีย และคนทั้งปวง ไม่ใช่เพื่อตัวท่านเอง อาจารย์เปาโลมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นแม้คนที่ไม่รู้จัก อาจารย์เปาโลมีชีวิตอยู่เพื่อคนทั้งปวง 4 ประการ
1 เพื่อช่วยเขาให้ได้รับการชูใจ (คส.2:2)
เขา ในที่นี้ หมายถึงคนทั้งหลายทั้งปวงที่เชื่อ จะได้รับความชูใจ หรือได้รับการปลอบประโลมใจ อาจารย์เปาโลเป็นคนที่คิดถึงคนอื่นอยู่เสมอลักษณะเช่นนี้ควรอยู่ในชีวิตของเราด้วยโดยพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าเป็นแหล่งแห่งความชูใจ พระองค์ชูใจเราเพื่อเราจะได้ชูใจคนอื่น (2คร.1:4-5) ความชูใจกับความทุกข์มักจะไปคู่กันเสมอ (1ธส.5:14) มารจะทำให้เราท้อใจ ดังนั้นเราต้องหนุนใจกันและกันให้มาก เพื่อเราจะสามารถมีชัยชนะเหนือมารซาตาน
2 เพื่อช่วยเขาเข้าสนิทในความรัก (คส.2:2)
อาจารย์เปาโลทำงานหนักเพื่อให้ผู้เชื่อได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้นและผูกพันในความรักจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระเจ้า นี่เป็นสิ่งที่เราควรทำคือช่วยให้คนอื่นรักพระเจ้ามากขึ้น ให้พระเยซูทรงเป็นศีรษะของกาย (คส.2:19) พระเยซูอธิษฐานขอให้เขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (ยน.17:20-21) เพื่อความรักของพระองค์จะได้ดำรงอยู่กับเขา (ยน.17:26) เราจึงควรช่วยเหลือกันและกันให้มั่นคงในความรักของพระเจ้า (ปฐก.9:8) ชุมชนหรือคริสตจักรของพระเจ้าต้องส่งเสริมให้เกิดความรักความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
3 เพื่อช่วยเขาให้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น (คส.2:2-3)
การทุ่มเทของอาจารย์เปาโลมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้คนที่เชื่อได้รู้จักกับพระเจ้ามากขึ้น เข้าใจความาล้ำลึกของพระเจ้ามากขึ้น ที่พระองค์ทรงเปิดเผยผ่านทางพระเยซูคริสต์ (คส.1:27) เราสามารถรู้จักพระเจ้าและพระปัญญาของพระเจ้าผ่านทางไม้กางเขน ผ่านทางพระเยซูคริสต์ (ฟป.1:27) ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องรู้จักพระเจ้ามากขึ้นเพื่อเราจะได้ช่วยคนอื่นให้รู้จักพระเจ้ามากขึ้นด้วย (รม.11:33) ผ่านทางพระวจนะของพระเจ้า ผ่านทางคำเทศนา (1คร.1:21) พระเจ้าทรงเรียกเราทั้งหลายให้มารู้จักพระเจ้าโดยฤทธานุภาพของพระเจ้า (1คร.1:24) แม้อาจารย์เปาโลยังต้องการรู้จักกับพระเจ้ามากขึ้น (ฟป.3:10) ฉะนั้นเราไม่ควรนิ่งนอนใจถ้าวันนี้เรายังไม่รู้จักพระเจ้ามากขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ 
4 เพื่อช่วยเขาให้มั่นคงฝ่ายวิญญาณ (คส.2:4-5)
อาจารย์เปาโลทุ่มเทเพื่อพี่น้องที่โคโลสีจนมั่นใจว่าแม้ไม่ได้มาหาก็ยังทราบข่าวว่าพี่น้องที่นี่ยังมั่นคงในพระเจ้า ไม่หวั่นไหว ความเชื่อมั่นคงที่อาจารย์เปาโลกล่าวถึงนั้น เป็นความมั่นคง 2 ด้าน คือ
4.1 ด้านความเชื่อ (คส.2:4-5)
คือความเชื่อในพระเจ้า ไม่ได้เชื่ออย่างงมงาย ในหลักปรัชญาคำสอนของมนุษย์ (คส.2:8) หรือในประสบการณ์ส่วนตัวของคนบางคน แต่เป็นความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เพราะในยุคสุดท้ายจะมีผู้สอนเท็จเกิดขึ้น (มธ.24:5) เราต้องสอนให้เขายึดความจริงเอาไว้ (อฟ.4:15) พระเจ้าประทานผู้นำให้กับคริสตจักรเพื่อช่วยให้สมาชิกมีความเชื่อมั่นคง (อฟ.4:11-15)
4.2 ด้านระเบียบวินัย (คส.2:4-5)
พวกเขาอยู่กันอย่างเรียบร้อย หมายถึงการอยู่กันอย่างมีระเบียบวินัย ไม่แตกแยก ชุมชนของพระเจ้าจะต้องเป็นชุมชนที่มีระเบียบวินัย ถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จ เราต้องสร้างวินัยให้กับตัวเรา พระคัมภีร์สุภาษิต บอกว่า เขาตายเพราะขาดวินัย (สภษ.5:23) เราต้องฝึกฝนตัวเราให้มีระเบียบวินัย เพื่อเป็นคริสตจักรที่มีสง่าราศีถวายเกียรติแด่พระเจ้า ผู้นำฝ่ายวิญญาณต้องมีวินัย เป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อเราจะได้มีชีวิตอยู่เพื่อคนทั้งปวงอย่างแท้จริง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

10 กุมภาพันธ์ 2554

คนกรุงรถเสียไม่ต้องตกใจ กด 1137

ผมได้รับเมล์มาจากพี่น้องคริสเตียนท่านหนึ่ง ส่ง Forward Mail มาให้ เมื่ออ่านดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ผมจึงลองโทรไปตามหมายเลข 1137 เพื่อตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ปรากฎว่า ไปติดที่ จส.100 ครับ เลยสอบถามว่า เป็นบริการอย่างไร จึงได้คำตอบมาว่า เป็นศูนย์ประสารความช่วยเหลือ จะมีช่างอาสา มาช่วย ช่างอาสา ก็คือ คนที่ใช้รถใช้ถนนอยู่ในขณะนั้น เช่น อาจจะเป็นแท็กซี่ หรือบุคคลทั่วไปที่ฟังจส.100 อยู่ในขณะนั้น ผ่านมาให้ความช่วยเหลือ เช่น พวงแบ็ตเตอรี่ ช่วยลากไปอู่ หรือลากกลับบ้านเป็นต้น แต่เมื่ออ่านดูเนื้อหาปรากฎว่า เป็นการรวมตัวกันของอู่ซ่อมรถ และช่างในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งร่วมมือกับสน.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ครับ

ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์ดี เลยเอามาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆทุกท่านครับ ลองอ่านรายละเอียดดูนะครับ


รถเสีย   กด 1137   

ชาวกรุงซึ้งน้ำใจรถเสีย
ไม่ต้องตกใจ กด  1137   เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรี ตลอด  24  ชั่วโมง ตามโครงการ 'ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง'   ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง     

การแข่งขันที่สูงในสังคมปัจจุบัน ทำให้ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด   ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น

แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากนัก 
  แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน   อย่างกลุ่มคนในโครงการ 'ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง'   

นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ ว่า   เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาโดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายร่างกาย ปล้นชิงทรัพย์ รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจรแล้วน่าเป็นห่วง   

นอกจากนี้จากการสำรวจดู ยังพบว่า  มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางและไม่มีใครดูแล จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร.  เพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีกจำนวนมาก 

บทสรุปที่ได้ คือ ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลาก รถยกไว้ให้บริการ โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วยกัน ปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส     

นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า   เพื่อสร้างความเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ จึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่ ที่ออกให้บริการต้องติดบัตรใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน   เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก 'บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน  1  ปี  ถึงขณะนี้ การให้ความช่วยเหลือยังน้อยอยู่ เดือนหนึ่งประมาณ  50-60  ราย   เฉลี่ยวันละ  4-5  ราย แต่ในช่วงคืนฝนตก จะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10  ราย

ผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าวและยอมรับว่า โครงการ  'ปันน้ำใจช่วย เหลือรถจอดเสียกลางทาง'  
ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้    หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้    และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น  ถ้าผู้ใช้รถ ไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่ามีโครงการนี้ 

อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า หวังอะไรหรือไม่ 

ถ้าใช้บริการมากขึ้นเราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออกไปอีก เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้  4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆใช้เงินเพียง  1.69  ล้านบาทเท่านั้น   นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่  1137

 
ขอขอบคุณ คุณอภิชาติ สินาคม ที่แจ้งเรื่องดีแบบนี้ครับ

เพื่อนๆที่เคยใช้บริการนี้แล้ว กรุณาเล่าให้พวกเราฟังด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง และช่วยประชาสัมพันธ์ หรือบอกต่อๆกันด้วยครับ 

ขอบคุณมากครับ

05 กุมภาพันธ์ 2554

ขอรับบริจาคจักรเย็บผ้า

เมื่อประมาณปีกว่าที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าไปในประเทศกัมพูชา (เขมร) กับคณะกรรมการอธิษฐานอวยพรประเทศไทย เพื่อไปอธิษฐานอวยพร (พี่น้องคริสเตียน) ประเทศกัมพูชา แถวๆปอยเปต ทำให้ได้รู้จักกับพี่น้องคริสเตียนคนหนึ่ง เป็นคนที่รักพระเจ้า มีนิมิตและภาระใจที่จะเห็นคนในหมู่บ้านที่เข้าอยู่มาเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ และได้ติดต่อกับผมมาตลอดปีเศษ และได้เริ่มกลุ่มเล็กๆขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้้บ้านของตนเองเป็นที่พบปะและนมัสการพระเจ้า  ปัจจุบันมีประมาณ 15-20 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ 14-17 ปี ฐานนะยากจน ภรรยาของผู้นำต้องการจักรเย็บผ้า เพื่อไปสร้างอาชีพหารายได้ พี่น้องท่านใดมีจักรเย็บผ้า ไม่ว่าจะเป็นของใหม่ หรือของเก่า ที่ยังใช้การได้ดี แต่ไม่ไ้ด้ใช้หรือไม่ค่อยได้ใช้ ต้องการที่จะเป็นพระพรกับพี่น้องคริสเตียนกลุ่มนี้ สามารถติดต่อที่ผม (089-1170770) ได้ครับ ผมจะเดินทางไปเยี่ยมและนำไปมอบให้ หรือพี่น้องท่านใดต้องการถวายเป็นเงินก็ได้ครับ

03 กุมภาพันธ์ 2554

ผู้รับใช้ของพระเจ้า

สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2011

พระธรรม โคโลสี 1:24-29

อาจารย์เปาโลได้พบกับพระเยซูคริสต์ระหว่างทางไปดามัสกัส และพระองค์ทรงเรียกให้มาเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ อาจารย์เปาโลเห็นคุณค่าการเป็นผู้รับใช้อย่างมาก เห็นได้จากการทุ่มเททำงานหนัก ตั้งแต่สมัยยังเป็นฟาริสี ยึดมั่นในการรับใช้อย่างเต็มที่ ทำสุดกำลังความสามารถที่มี ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานของพระเจ้า การเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเป็นสิทธิพิเศษที่คนอีกมากมายไม่มีโอกาส แต่การจะเป็นผู้รับใช้ที่ดีได้จะต้องเลียนแบบจากชีวิตของอาจารย์เปาโล ดังนี้
1. มีแรงจูงใจที่ถูกต้อง (คส.1:24)
อาจารย์เปาโลบอกว่าท่านปลื้มปีติที่ได้รับความทุกข์ยาก เพราะเห็นแก่พระกายของพระคริสต์คือคริสตจักร พระคริสต์กับคริสตจักร สองสิ่งนี้ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ พระคริสต์และคริสตจักรจึงเป็นแรงจูงใจขออาจารย์เปาโลในการรับใช้พระเจ้า พระเยซูเป็นพระฉายของพระเจ้า เป็นแรงบันดาลใจให้ในการรับใช้ (คส.1:15-20) การมีส่วนในการทนทุกข์ร่วมกับพระเยซูมากเท่าใด ก็ได้รับความชูใจมากเท่านั้น (2คร.1:5) และยินดีแบกความตายของพระเยซูเอาไว้ด้วย (2คร.4:10) แรงจูงใจจะต้องอยู่รอบๆพระเยซูกับคริสตจักร ถ้าเราสละสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ไร่นา ในที่สุดเราจะได้สิ่งเหล่านั้นร้อยเท่า (มก.10:29-30)
2. รู้พันธกิจแห่งพระวจนะ (คส.1:25-28)
พระเจ้าได้มอบภารกิจให้กับเรา นั่นคือ พันธกิจแห่งพระวจนะพระเจ้า คือ การประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า พวกศิษย์ในสมัยแรกก็บอกว่าพวกเราไม่ควรละเลยในการกล่าวพระวจนะ (กจ.6:2) พวกอัครทูตก็ขะมักเข้มในการอธิษฐาน (กจ.6:4) เราทั้งหลายต้องระวังโรคพระวจนะบกพร่องในวันสะบาโต คือโรคเบื่อพระวจนะ จะเกิดอาการเหนื่อยอ่อน อ่อนเพลีย พันธกิจแห่งพระวจนะเป็นอย่างไร เราจะมาดูด้วยกัน 4 ประการ
2.1 ประกาศอย่างครบถ้วน (คส.1:25)
คือประกาศพระวจนะอย่างสมบูรณ์ และสมดุล เพื่อสมาชิกทุกคนจะได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณอย่างครบถ้วน และ คนก็จะกลับใจใหม่ด้วย (2ทธ.2:25)
2.2 ประกาศความจริง (คส.1:26)
พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการเปิดเผย พระองค์จะเปิดเผยความจริงให้กับคนของพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1คร.2:10) อาจารย์เปาโลหนุนใจให้ทิโมธีใฝ่ใจในการอ่านพระคัมภีร์ (1ทธ.4:13-16) เราต้องสอนพระวจนะให้กับทุกคน เพราะพระเจ้าจะเปิดเผยแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าผ่านทางพระวจนะของพระองค์ เราอยากรู้อะไร ให้เราอ่านพระวจนะ เพราะพระองค์จะบอกกับเราผ่านทางพระวจนะ
2.3 ประกาศพระคริสต์ (คส.1:27-28)
การประกาศต้องประกาศพระคริสต์ ไม่ใช่ประกาศประสบการณ์ แต่ต้องประกาศพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้เป็นศูนย์กลางแห่งพระวจนะและศูนย์กลางแห่งน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นความเข้าใจความล้ำลึกคือพระคริสต์ (คส.2:2) อาจารย์เปาโลประกาศเรื่องไม้กางเขน (1คร.2:2) เราต้องประกาศพระคริสต์ เราไม่ควรอายเรื่องพระคริสต์ที่เราประกาศอยู่
2.4 ประกาศให้เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ (คส.1:28)
มีเป้าหมายให้ที่จะทำให้คนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์ คือเต็มขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์ (อฟ.4:13) การประกาศที่จะทำให้คนเติบโตในพระคริสต์ จะต้องประกาศ เตือนสติและสั่งสอน เพื่อคนจะเติบโตขึ้น โมเสสได้วางแบบอย่างเอาไว้ (ฉธบ.30:15-16)
3. มีท่าทีถูกต้อง (คส.1:29)
อาจารย์เปาโลบอกว่า เพื่อเหตุนี้เอง ซึ่งหมายถึง การประกาศพระคริสต์ โดยการเตือนสติและสั่งสอน อาจารย์เปาโลมีท่าทีถูกต้องในการรับใช้พระเจ้า ทำให้แสดงออกมาเป็นการกระทำภายนอกอย่างเห็นได้ชัดเจน ดังนี้
3.1 ยินดีทำงานหนัก (คส.1:29)
อาจารย์เปาโลตรากตรำทำงานหนัก คำว่าตรากตรำ หมายถึง การทำทั้งวันทั้งคืน ถ้าเราต้องการเห็นความสำเร็จเกิดขึ้นในชีวิตของเรา เราต้องยินดีทำงานอย่างหนัก ถ้าเราต้องการเห็นคริสตจักรเจริญเติบโตเราต้องยินดีทำงานหนัก ถ้าเราต้องการเห็นลูกแกะของเราเกิดผลเราต้องทุ่มเทให้กับลูกแกะของเรา นี่คือท่าทีแรก
3.2 มีความพากเพียร (คส.1:29)
ความพากเพียรหมายถึงการที่ไม่ลดละความพยายาม ทำจนกว่าจะสำเร็จ หรือที่เรียกว่าไม่เสร็จไม่เลิกนั่นเอง เราต้องไม่หยุดจนกว่าจะเห็นความสำเร็จ เราจ้องไม่หยุดจนกว่าจะเห็นการอวยพระจากพระเจ้า เราจะไม่หมดหวังในการอธิษฐานจนกว่าเราจะเห็นลูกของเรา คนในครอบครัวของเรามาเชื่อพระเจ้า นี่คือความพากเพียร
3.3 พึ่งพาพระเจ้า (คส.1:29)
เราต้องมีท่าทีถูกต้อง คือเราต้องพึ่งภาพระเจ้า เราต้องขอสติปัญญาจากพระเจ้า งานของพระเจ้าต้องทำตามวิธีการของพระเจ้า ให้พระเจ้าทรงนำเราทุกย่างเท้าให้เรามีความกล้าหาญโดยพระเจ้า (ยชว.1:6-7) เราต้องพึงพาพระเจ้า เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ (อฟ.6:12) พระเจ้าจะทรงนำเราไปสู่ชัยชนะที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้สำหรับเราแล้ว
ดังนั้นเราในฐานะที่พระเจ้าเรียกเรามาเป็นสาวกของพระองค์ เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เราต้องมีแรงจูงใจที่ถูกต้องในการประกาศพระวจนะของพระเจ้า เราต้องมีท่าทีที่ถูกต้อง พึ่งพาพระเจ้าแล้วเราจะเห็นการอวยพรจากพระเจ้ามาถึงชีวิตและงานรับใช้ที่เราทำอยู่ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ