16 พฤศจิกายน 2553

ขอขอบพระคุณ

ขอขอบคุณพี่น้องคริสตชนทุกท่านที่ได้ไปรวมตัวและร่วมใจกันอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าเพื่อประเทศไทยของเรา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน ที่สนามหลวงและใต้สะพานพระราม8 ขอบคุณพี่น้องที่ไปร่วมกันหลายพันคน เราได้เห็นบรรยากาศความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องที่มาร่วมโดยไม่มีการแบ่งแยก สังกัด คณะนิกาย เราได้เห็นบรรยากาศการอธิษฐานที่เต็มไปด้วยความเชื่อ ความคาดหวัง

ขอบคุณผู้ที่มีส่วนสนับสนุนในการจัดงานครั้งนี้ ทั้งกรรมการจัดงานฝ่ายต่างๆ ทุกท่าน ศิษยาภิบาล-ศาสนาจารย์ทุกท่าน ที่ได้หนุนจิตชูใจพี่น้องในคริสตจักรต่างๆ ไปรวมตัวและร่วมใจกันกันอธิษฐาน และเจ้าหน้าที่ทหารที่อำนวยความสะดวกสถานที่บริเวณท้องสนามหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่อำนวยความสะดวกในด้านการจราจร เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางพลัดที่อนุญาตให้ใช้สถานที่ใต้สะพานพระราม8

เหนือสิ่งอื่นใด ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงอยู่ด้วยและเป็นผู้กระทำให้สำเร็จทุกประการ ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของเรา

ขอพระเจ้าเสริมกำลังและอวยพระพรพี่น้องทุกท่าน

10 พฤศจิกายน 2553

หน้าที่ของเรา

คนเราแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่หลากหลายและแตกต่างกันไปมากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ว่าคนๆนั้นมีสถานะอย่างไรในขณะนั้น  บางคนเป็นพ่อ บางคนเป็นแม่ บางคนเป็นลูก บางคนเป็นน้อง บางคนยังเรียนหนังสือ บางคนทำงาน บางคนเป็นแม่บ้าน ทุกคนต่างล้วนก็มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป

แต่คริสเตียนทุกคนมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้กับเราทุกคนตั้งแต่แรกที่เรามาเชื่อวางใจในพระเจ้า นั่นคือการประกาศ ในพระธรรมมัทธิว 28:19-20 ซึ่งคริสเตียนรู้จักพระคัมภีร์ข้อนี้เป็นอย่างดี ซึ้งถือว่าเป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูสำหรับผู้เชื่อทุกคน กล่าวว่า "เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค"

ดังนั้น คริสเตียนทุกคนจึงมีหน้าที่ในการประกาศ ไม่ว่า จะมีของประทานหรือไม่ก็ตาม เมื่อเราทำหน้าที่ของเรา อย่างสัตย์ซื่อ พระองค์ก็สัญญาว่าจะอยู่กับเราเสมอไป เราจึงไม่อาจจะหลีกเลี่ยง หรือมีข้อแก้ตัวว่าเราไม่สามารถประกาศได้ เพราะว่าเราไม่มีของประทาน เราประกาศไม่เป็น เราพูดไม่เก่ง หรือเราไม่รู้จะประกาศอย่างไร เราไม่สามารถอ้างว่า เรายังเรียนหนังสือไม่จบ เรายังไม่ได้แต่งงาน เรายังไม่ได้เรียนพระคริสตธรรม ลูกของเรายังเล็กอยู่ หรืองานเรายุ่งมาก เราไม่สามารถบอกว่าเองเงินไปก็แล้วกัน ไปจ้างใครก็ได้ช่วยประกาศให้ที

แต่จงรู้อยู่เพียง 2 อย่างก็พอว่า เรามีหน้าออกไปประกาศ และพระเจ้าจะอยู่กับเรา เมื่อเราออกไปประกาศเรื่องราวของพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงอยู่กับเราและช่วยเหลือเราในการประกาศ พระองค์จะอยู่ที่ปากของเรา พระองค์จะประทานคำพูดให้กับเราเองเมื่อเราไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร เหมือนในพระธรรมอพยพ 4:12 "เพราะฉะนั้น ไปเถิด  เราอยู่ที่ปากของเจ้า และจะสอนคำที่ควรจะพูด" เมื่อถึงเวลาพระเจ้าจะสอนเราว่าเราควรจะพูดอย่างไร เมื่อเจอะเจอกับคำถามที่เราเองอาจจะไม่เคยถูกถามมาก่อนจะตอบอย่างไร จงเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า พระองค์สัญญาว่า พระองค์จะอยู่กับเรา และอยู่ที่ปากของเรา พระองค์จะใส่คำพูดที่ปากของเรา พระองค์จะให้คำตอบที่ดีนั้นกับเรา เมื่อเรามีใจพระเจ้าก็จะมีทางให้กับเรา

เมื่อเราทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนที่เกินจากนั้นไปพระเจ้าจะเป็นผู้กระทำให้กับเราเอง ขอเพียงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไว้วางใจพระเจ้าเท่านั้นเป็นพอ

การประกาศไม่ได้จบลงที่นำคนมาถึงความรอดในพระเยซูเท่านั้น แต่จะต้องนำคนที่ได้รับความรอดแล้วนั้นให้เติบโตขึ้นในทางของพระเจ้า คือเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์ คือสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับการล่อลวงต่างๆ และสามารถเอาชนะต่อการล่อลวงเหล่านั้นได้ รวมถึงสามารถที่จะออกไปประกาศ นำคนให้มาถึงความรอดและสอนให้เขาถือรักษาสิ่งสารพัดได้อย่างที่เขาเป็น

วันนี้เราืำทำหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้กับเราหรือยัง ถ้าหากวันนี้เรายังไม่ได้ทำหน้าที่ของเราให้เรารีบออกไปทำหน้าที่ของเราที่พระเจ้าได้มอบไว้ให้กับเรา จงเร่งรีบกระทำขณะที่ยังมีเวลา ขณะที่ตะวันยังไม่ตกดิน ขณะที่เรายังมองเห็น ขณะที่เรายังมีแรงอยู่

สำหรับท่านที่ทำหน้าที่อย่างดีแล้ว ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพรให้มีแต่สันติสุข ความชื่นชมยินดี ความอิ่มเอมใจตลอดเวลา

08 พฤศจิกายน 2553

เชิญรวมตัวร่วมใจอธิษฐานขอพรจากพระเจ้า

ขอเรียนเชิญพี่น้องคริสตชนทุกท่าน ทุกสังกัด ทุกคณะนิกาย

ร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขอพระพรจากพระเจ้า เพื่อประเทศไทยกลับคืนสู่สันติสุข และพ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และขอให้พระเจ้านำพระพรนานาประการมาสู่คนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งนำการฟื้นฟูใหญ่มาสู่ประเทศไทยของเรา

ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2010 ตั้งแต่เวลา 14.00 น พบกันที่ท้องสนามหลวง ร่วมขบวนเดินอธิษฐานอวยพร ไปที่ใต้สะพานพระราม8 และนมัสการสรรเสริญพระเจ้าด้วยกันตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น.

กรุณาสวมเสื้อสีขาว โดยพร้อมเพียงกัน

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

07 พฤศจิกายน 2553

คำทักทายจากศิษยาภิบาล 7-11-2010

สวัสดีครับพี่น้องและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน

คริสตจักรแห่งสันติภาพขอ ต้อนรับทุกท่านในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์ และขอสันติสุข สวัสดิภาพ และความชื่นชมยินดี จงดำรงอยู่กับทุกท่านในสัปดาห์นี้ครับ ผมหวังว่าสัปดาห์นี้พระเจ้าจะทรงมีบางสิ่งบางอย่างมาถึงท่าน และท่านจะได้รับพระพรเป็นของขวัญพิเศษจากพระเจ้าครับ
     อาทิตย์หน้าก็จะถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน วันอธิษฐานแห่งชาติ จะเป็นวันที่พี่น้องคริสเตียนทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จะไปเดินอธิษฐานขอพระพรเพื่อประเทศไทยของเรา ผมเชื่อว่าเมื่อคริสเตียนรวมใจกันเป็นหนึ่งและไปร่วมกันอธิษฐานอวยพรประเทศ ไทยเช่นนี้ เราจะเห็นพระเจ้าเทพระพรลงมาอย่างแน่นอนครับ เราจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะไปรวมพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพี่น้อง คริสเตียนที่รักพระเจ้า เพื่ออธิษฐานอวยพรประเทศไทยของเราด้วยกัน ขอให้ทุกท่านใส่เสื้อสีขาวนะครับ
     เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะหมดปีนี้แล้ว ผมขอหนุนใจพี่น้องทุกท่านให้เร่งรีบทำการงานของพระเจ้าตั้งแต่ยังวันอยู่ครับ ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงอวยพรคริสตจักรของพระองค์อย่างแน่นอนครับ เราจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าบนความจำกัดของเรา สุดเอื้อมของเรา คือฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า ขอให้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้เราทำอย่างเต็มที่ในการประกาศ การติดตามผล การเลี้ยงดูแกะของพระเจ้า เมื่อวันนั้นมาถึงวันที่เรายืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าเราจะได้รายงานพระองค์ได้อย่างภาคภูมิใจครับ
     ขอให้พี่น้องอธิษฐานเผื่อเป้าหมายของเราภายในปีนี้เราอยากจะเห็น 150 คน ยืนนมัสการพระเจ้าร่วมกันกับเราที่นี่ ให้เราช่วยกันประกาศ ผมเชื่อว่าเมื่อเราลงมือทำพระองค์จะอยู่กับเราและช่วยเราให้ไปถึงเป้าหมายได้ครับ เพราะการประกาศเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าและเป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ที่สั่งเราไว้ใน มัทธิว 28:19-20
อ.สวัสดิ์ พันชนะ
ศิษยาภิบาลคริสตจักรแห่งสันติภาพ
7-11-2010

พระเจ้าทรงดูแลจากอุบัติภัยบนท้องถนน

พระพรที่พระเจ้าทรงปกป้องจากอันตรายบนท้องถนน โดย อ.สวัสดิ์ พันชนะ ศิษยาภิบาลคริสตจักรแห่งสันติภาพ

พระเจ้าทรงปกป้องจากเหตุการณ์น้ำท่วม

พระเจ้าทรงปกป้องครอบครัวของคุณนารีนารถ(ปู) ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

05 พฤศจิกายน 2553

อธิษฐานแบบพระเยซู


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2010
เทศนาเรื่อง “อธิษฐานแบบพระเยซู”
พระธรรม มัทธิว 6:9-16

                 พระธรรมตอนนี้เป็นคำสอนของพระเยซูเรื่องอย่าทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น แต่ต้องทำด้วยท่าทีภายในที่ถูกต้อง ตอนนี้พระเยซูสอนเรื่องการอธิษฐาน บางคนอาจจะจำตัวอย่างคำอธิษฐานตอนนี้ไปอธิษฐานในลักษณะท่องจำ หรือเป็นบทสวด การอธิษฐานที่ถูกต้องไม่ใช่เป็นการท่องจำ หรืออธิษฐานอย่างไรความหมาย แต่สิ่งที่เราพูดหรืออธิษฐานออกมานั้น ต้องออกมาจากความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น ทุกคำพูดหรือคำอธิษฐานมีความหมาย จึงจะทำให้คำอธิษฐานของเรามีความหมาย ไม่เพียงเท่านั้น พระเยซูยังสอนหลักการที่สำคัญให้เราอีกผ่านตัวอย่างการอธิษฐานของพระเยซูตอนนี้ ผมจะให้ชื่อคำเทศนาตอนนี้ว่า “อธิษฐานแบบพระเยซู” มีหลักการที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1 อธิษฐานต่อพระบิดา (v9)
พระเยซูเริ่มคำอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระบิดา” ซึ่งเป็นการยกย่องพระเจ้าเป็นพระบิดาผู้มีสิทธิอำนาจ ต่อมาได้กล่าวว่า “ผู้ทรงสถิตในสวรรค์” ซึ่งบ่งบอกถึงการที่พระเจ้าทรงอยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวง ต่อมาได้กล่าวว่า “ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่สักการะ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการยกย่องพระเจ้าขึ้นสูง ตัวอย่างคำอธิษฐานของพระเยซูมีแต่พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง โดยยกพระเจ้าให้สูงขึ้น ดังนั้นการอธิษฐานของเราศูนย์กลางต้องอยู่ที่พระเจ้าไม่ใช่สิ่งอื่นใด หรือมนุษย์คนไหน พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่สูงสุดในทุกเวลาและสมควรได้รับการสรรเสริญ (สดด.96:4) เมื่อเรารู้จักพระเจ้าของเราอย่างแท้จริงแล้ว และท่าทีของเราถูกต้อง คำอธิษฐานของเราก็จะถูกต้องด้วย แต่อย่างอย่างไรก็ตามพระเจ้ามีเอกสิทธิ์ที่จะตอบคำอธิษฐานของเราด้วย เราไม่สามารถจะบังคับให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเราได้ ดังนั้นเมื่อเราอธิษฐานเราต้องยกให้พระเจ้าเป็นผู้พิจารณาว่าจะตอบเราอย่างไรหรือไม่ แต่ให้เรามั่นใจว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์พระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จได้ (มธ.19:26) สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้แต่พระเจ้าทำได้ (ลก.18:27)
2 อธิษฐานตามน้ำพระทัย (v10)
หมายถึง การอธิษฐานขอให้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสวรรค์เกิดขึ้นในโลกด้วย ขอให้สิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระบิดานั้นสำเร็จตามแผนการของพระองค์ คือการนำความรอดไปสู่คนหมดโลกนี้ นั่นคือการครอบครองของพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่ใช่อธิษฐานขอตามใจเรา แต่ตามใจพระเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราอธิษฐานขอในสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ เรายังสามารถอธิษฐานขอในสิ่งที่เราต้องการได้อยู่ แต่ต้องไม่บังคับพระเจ้าให้ตอบสนองตามใจของเรา เราเห็นตัวอย่างของพระเยซูคริสต์ที่อธิษฐานต่อพระบิดาที่สวนเกทเสมนี ก่อนที่พระองค์จะถูกจับ ถึง 3 ครั้ง ว่า “โอ้พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์” (มธ.26:39) เมื่อพระเยซูยังพร้อมที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาผู้สถิตย์ในสวรรค์ เราเองก็ควรที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระบิดาเช่นเดียวกัน สิ่งที่เราควรปรารถนามากที่สุดไม่ใช่โลกนี้ เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าไม่ใช่การกินและการดื่ม “แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุข และความชื่นชมยินดี” (รม.14:17) ใครก็ตามที่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเยซูถือว่าผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงของพระองค์ (มก.3:35) ดังนั้นเมื่อเราดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้าแล้ว เวลาเราอธิษฐานขอสิ่งใดเราก็จะอธิษฐานขอตามน้ำพระทัยของพระเจ้าด้วยเช่นกัน
3 อธิษฐานในเรื่องที่จำเป็นของชีวิต (v11)
การอธิษฐานไม่เพียงเฉพาะการขอที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าท่านนั้น แต่พระเจ้าเห็นถึงความจำเป็นในชีวิตของเรา เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม สิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่เราสามารถทูลขอจากพระเจ้าได้ แต่ตรงกันข้ามเรากลับไม่ได้อธิษฐานทูลขอจากพระเจ้า เพราะเราอาจจะคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องดูแลเราอยู่แล้ว หรือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องได้รับ จึงไม่ค่อยมีใครอธิษฐานทูลขอจากพระเจ้า นอกจากจะอธิษฐานขอพระคุณเท่านั้น ความเป็นจริงแล้วเราควรทูลขอจากพระเจ้าสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของเราทุกวันด้วย แต่ทุกครั้งเราจะต้องอธิษฐานด้วยความเชื่ออย่างมีความหมาย ไม่ใช่เป็นแบบนกแก้วนกขุนทอง แต่บ่อยครั้งที่เราอธิษฐานเรามักจะอธิษฐานทูลขอสิ่งที่เกินความจำเป็นในชีวิตของเราเป็นส่วนใหญ่ หรือบางครั้งเราอธิษฐานขอจากพระเจ้าก็จริงแต่เราคาดหวังคำตอบจากมนุษย์ บางคนอาจจะติดนิสัยเกรงใจ ไม่ขออะไรจากใครเพราะว่าเกรงใจ จึงไม่ได้อธิษฐานทูลขอจากพระเจ้าด้วยเพราะเกรงใจ พระเจ้าไม่ต้องการให้เราเกรงใจในการอธิษฐานทูลขอจากพระองค์ แต่เราต้องให้สิทธิ์ในการตอบคำอธิษฐานกับพระองค์มากกว่า ดีที่สุดเมื่อเราแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อนพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ ให้กับที่จำเป็นในชีวิตให้กับเราเอง (มธ.6:31-33) โดยที่เราบางครั้งเราเพียงแต่คิดในใจเท่านั้นพระเจ้าก็ประทานให้กับเราแล้ว เพราะพระเจ้ารู้ถึงความจำเป็นในชีวิตของเรา ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิต ได้อธิษฐานทูลขอจากพระเจ้าขอให้มีเพียงพอ ไม่ต้องมากหรือน้อยเกิดไป (สภษ.30:8-9) จงแสวงหาพระเจ้าและวางใจในพระเจ้า พระองค์จะทรงดูแลเรา ลูกหลานของเราจะไม่มีใครเป็นขอทาน (สดด.37:23-25)
4 อธิษฐานสารภาพบาป (v12, 14-15)
การสารภาพบาปเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้า พระเยซูสอนให้เราอธิษฐานสารภาพบาปและยกโทษให้กับคนที่ทำผิดกับเรา โดยเริ่มต้นในข้อ 12 ว่า “และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์” ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญอย่างมาก เมื่อเราสารภาพบาปของเรา กำแพงแห่งความสัมพันธ์ก็จะถูกพังทลายลง ไม่มีอะไรมาขวางกั้นระหว่างเรากับพระเจ้าได้อีกต่อไป ดังนั้นเราควรสารภาพบาปของเราทุกวัน การสารภาพบาปไม่เพียงแต่เป็นการขอการยกโทษเท่านั้น แต่เป็นกุญแจหลักของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ ซึ่งตั้งอยู่บนเงื่อนไข คือการให้อภัย ไม่ใช่เราเรียกร้องขอการยกโทษจากพระเจ้า แต่เราไม่ให้อภัยคนอื่นที่ทำผิดกับเรา ทุกครั้งที่เราอธิษฐานเราต้องมั่นใจว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพระเจ้า ซึ่งดูได้จากความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่นว่าเป็นอย่างไร เมื่อเราให้อภัยคนอื่นพระเจ้าก็ให้อภัยเรา (มธ.6:14-15) เพราะว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการให้อภัย ไม่ว่าความผิดบาปของเราจะมากมายสักเพียงใด พระองค์ก็สามารถยกให้กับเราจนหมดสิ้น พระองค์จะชำระเราให้สะอาด (อสย.1:18) เราต้องรักษาชีวิตของเราให้ไกลจากบาปอยู่ตลอดเวลา ต้องสารภาพบาปอยู่เสมอๆ
5 อธิษฐานขอการปกป้อง (v13)
พระเยซูสอนว่า เวลาเราอธิษฐานให้ขอพระเจ้าปกป้องให้เราพ้นจากการทดลองและสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง เนื่องจากศัตรูของเรา คือผีมารซาตาน เรามองไม่เห็น และมันมีกลยุทธ์มากมายที่จะนำมาล่อลวงเราให้หลง เราไม่สามารถต่อสู้กับผีมารซาตานได้ด้วยกำลัง หรือศาสตราวุธฝ่ายโลกได้ เราจะต้องพึ่งพาในฤทธิ์เดชของพระเจ้า แม้ดูเหมือนว่าบางครั้งเราเข้มแข็ง เราเติบโต แต่ความจริงแล้วเรายังอ่อนแออยู่ พระเยซูเตือนเราว่า ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน” เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกทดลอง จิตใจพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนอยู่ (มธ.26:41) เราต้องเฝ้าอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าให้เรามีชัยชนะเหนือการทดลอง มีชัยชนะเหนือผีมารซาตาน มีชัยชนะเหนือความบาป ปกป้องเราให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง
ทั้ง 5 ประการนี้เป็นตัวอย่างคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ ที่สอนเราให้เข้าใจการอธิษฐานที่ถูกต้อง เพื่อเราจะสามารถดำเนินชีวิตในโลกนี้ให้เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ไม่ว่าเราทำสิ่งใดสิ่งนั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพื่อเราจะได้เป็นเหมือนตะเกียงที่ตั้งอยู่บนเชิงตะเกียงและส่องสว่างให้กับคนทั้งหลาย ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงเรียกเราทั้งหลายให้มาเป็นสาวกของพระองค์

ขอพระเจ้าอวยพรครับ