30 มีนาคม 2555

ความสำเร็จของสาวก


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม 2012

พระธรรม มัทธิว 10:5-15
พระเยซูได้เรียกสาวกของพระองค์มาและได้ส่งสาวกของพระองค์ออกไปทำพันธกิจที่พระองค์ทรงตั้งใจ จึงได้กำชับสาวกถึงเรื่องสำคัญที่จะต้องกระทำและไม่กระทำเพื่อให้พันธกิจของพระองค์สำเร็จและเกิดผลมาก เมื่อสาวกกระทำตามคำกับชับของพระเยซูก็พบความสำเร็จเกิดขึ้น ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถนำหลักการของพระเจ้าไปใช้ในชีวิตประจำวันก็จะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน พระเยซูได้กำชับสาวกเรื่องอะไรบ้าง
1. มีเป้าหมายชัดเจน (มธ.10:5-6)
พระเยซูมีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงกำชับสาวกอย่างชัดเจนถึงเป้าหมาย ว่าจะต้องไปทางใดไม่ไปทางใด ให้ไปหาใครไม่ให้ไปหาใคร การทำงานใดๆจะสำเร็จไม่ได้ถ้าเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เราจะไม่สามารถวัดหรือรู้ได้เลยว่าเราถึงความสำเร็จหรือเปล่า พระเจ้าสั่งให้เราไปประกาศกับชนทุกชาติโดยเริ่มที่ใกล้ตัวเราก่อน (กจ.1:8)  (สภษ.16:4)  นักกีฬาก็ยังมีเป้าหมายที่จะชนะ (1คร.9:25-26) เราควรมีเป้าหมายที่ดีที่สุดคือการมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า
2. มีวิธีการชัดเจน (มธ.10:7-8)
พระเยซูบอกกับสาวกว่าให้ไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า ไปถึงที่ไหนก็ให้ประกาศที่นั่น โดยให้รักษาคนเจ็บป่วยให้หาย ให้ขับผีออก การที่สาวกจะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีวิธีการที่ชัดเจน ไม่ใช่ไม่รู้จะทำอย่างไร จะประกาศอย่างไร ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีอุปกรณ์ การมีวิธีการทำงานที่ชัดเจนก็ช่วยทำให้เราสามารถเห็นผลของความสำเร็จได้  (มก.1:14-15) พระเยซูได้สอนวิธีการทำงานให้กับสาวกในการออกไปประกาศ ว่าไปพลางประกาศพลาง
3. ท่าทีถูกต้อง (มธ.10:8-10)
พระเยซูยังย้ำอีกกว่า ท่านทั้งหลายได้มาเปล่าๆ จงให้เปล่าๆ เราทั้งหลายได้รับพระคุณของพระเจ้ามาแบบเปล่าๆ เราก็จะหยิบยื่นความรักให้กับคนทั้งหลายแบบเปล่าๆเช่นกัน เราไม่ควรมีท่าทีที่หวังสิ่งใดตอบแทนเพื่อเรา เราประกาศก็ประกาศด้วยความรัก  พระองค์จะทรงดูแลเราเอง เราไม่ต้องกังวลในสิ่งใด (มธ.6:25-26, 1คร.9:13-14) ท่าทีของเราต้องไม่เห็นแก่ตัวเอง ตรงกันข้ามเราต้องเห็นแก่คนอื่นก่อน พระเยซูไม่ได้ดูว่าเราทำดีมากน้องเพียงใด แต่พระเยซูยอมรับเราในแบบที่เราเป็นอยู่
4. มียุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง (มธ.11-15)
ไม่เพียงแต่มีเป้าหมายชัดเจน วิธีการชัดเจน ท่าทีถูกต้องแล้ว ยังต้องมียุทธศาสตร์ที่ดีหรือถูกต้องอีกด้วย พระเยซูบอกว่าเมื่อไปถึงที่ใดก็ให้สืบดูก่อนว่าใครเป็นคนที่เหมาะสมในที่นั้น นั่นแสดงให้เห็นว่า พระเยซูมียุทธศาสตร์ที่ดีในการทำงาน ที่ไหนมีคนเหมาะสม หรือคนที่ตอบสนองก็ให้ไปหาคนนั้น ไปหาคนที่มีความต้องการก็จะได้รับการตอบสนอง  มีคนมากมายอยู่ในโลกนี้มีทั้งคนที่ไม่ตอบสนองและคนที่ตอบสนอง เช่นคำอุปมาของพระเยซูเรื่องผู้หว่าน หรือดิน 4 ประเภท (มธ.13:18-23) ให้เราทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ทำงานอย่างมวยวัด เพราะความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้อย่างยากลำบาก วางยุทธศาสตร์ให้ดี ควรต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

สาวกพระคริสต์


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2012

พระธรรม มัทธิว 10:1-4
พระธรรมตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเรียกสาวก 12 คนออกมา นั่นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญบางสิ่งบางอย่างที่พระองค์จะทรงกระทำ ซึ่งจะมีผลถึงความเชื่อของคริสเตียน เมื่อเราอ่านและศึกษาพระธรรมตลอดทั้งเล่มเราก็พบว่าสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นมีผลต่อความเชื่อของคริสเตียนเสมอ เราเห็นสิ่งที่พระเยซูใช้ให้สาวกของพระองค์กระทำ เราเห็นถึงคำสอนของพวกเขา รวมทั้งคำพยานของพวกเขาเกี่ยวกับการฟื้นคืนพระชนม์ เราได้กรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านทางสาวกของพระองค์ สาวกของพระเยซูได้วางรากฐานสำคัญให้กับคริสตจักรตั้งแต่สมัยแรกจนถึงปัจจุบัน เราได้เห็นบทบาทของสาวกของพระคริสต์ว่าเป็นอย่างไรมาแล้วมากมายเมื่อเราอ่านและศึกษาพระวจนะของพระเจ้า สาวกของพระคริสต์เป็นอย่างไร เราเห็นได้จากพระธรรมตอนนี้ 3 ประการด้วยกันคือ
1. พระเจ้าทรงเรียก (มธ.10:1-2)
พระเยซูทรงเรียกสาวกของพระองค์ เพื่อให้ทำพันธกิจหรือทำการบางอย่างๆเจาะจง เราเห็นจากพระธรรมตอนนี้ว่า พระองค์ทรงเรียกสาวกออกมาเพื่อให้ไปช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วย หรือตกทุกข์ได้ยาก พระเจ้าไม่ได้เรียกสาวกของพระองค์ออกมาเพื่อให้เดินตามพระองค์เฉยๆ พระองค์ทรงเลือกสาวกของพระองค์มาเพื่อทรงใช้เขาไปทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ และการเลือกของพระองค์ก็เป็นการเลือกที่เจาะจง เราเห็นการเลือกสาวกของพระองค์ที่ผ่านการอธิษฐานแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้ามาแล้ว (ลก.6:12-13)  (มธ.4:21-22)  (มธ.16:24)  (1ปต.2:9) เมื่อพรเจ้าทรงเรียกเราอย่างเจาะจง เราจึงควรตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าโดยทำตามน้ำพระทัยของพระองค์
2. พระเจ้าทรงประทานสิทธิอำนาจให้ (มธ.10:1)
พระเจ้าไม่ได้เรียกเรามาเท่านั้น แต่เรียกเรามาแล้วประทานสิทธิอำนาจให้กับเรา เพื่อให้เราประการแผ่นดินสวรรค์ และปลดปล่อยคนให้หลุดพ้นจากอำนาจมืดและความป่วยไข้ทั้งหลาย พระองค์ได้มอบกุญแจแห่งแผ่นดินสวรรค์ไว้ให้กับเรา (มธ.16:18-19)  พระเจ้าให้เรามีสิทธิอำนาจเหนือผีสามารถที่จะขับผีออกได้ (มก.16:17-18) ให้เรามีความเชื่อและพูดในสิ่งที่ถูกต้อง
3. พระเจ้าทรงเลือกคนธรรมดาให้ไม่ธรรมดา (มธ.10:2-4)
เราเห็นรายชื่อสาวกรุ่นแรกของพระเยซูทั้ง 12 คน เป็นคนธรรมดาสามัญ ไม่มีใครเป็นข้าราชการมียศฐาบรรดาศักดิ์ หรือว่าเป็นพ่อค้า หรือว่ามีการศึกษามากมาย ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง บางคนเป็นคนเก็บภาษี เป็นคนหาเช้ากินค่ำแบบเราทั้งหลายในปัจจุบันนี้ แต่พระเยซูเปลี่ยนคนธรรมดา ให้กลายเป็นคนไม่ธรรมดา เปลี่ยนจากคนที่สังคมรังเกียจ เปลี่ยนจากคนที่ไม่มีการศึกษา ให้กลายเป็นคนที่ใช้การได้ พระองค์ทรงใช้คนธรรมดาและเล็กน้อย ทำให้โลกได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ (1คร.1:27-28)  ไม่ว่าจะเป็นคนเช่นไร ชีวิตเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลง เขาจะกลายเป็นคนใหม่ไม่ใช่คนที่ใช้การไม่ได้แต่เป็นคนที่มีชีวิตแห่งการปลดปล่อยอย่างแท้จริง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ขออภัยในความบกพร่อง

ขออภัยที่ไม่ได้เข้ามาอัพเดทข้อมูลหรือสื่อสารสิ่งใดๆกับพี่น้องพ้องเพื่อนหลายสัปดาห์มาแล้ว กลับมาแล้วครับ

หลายๆคริสตจักรก็กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมค่ายฤดูร้อนกัน รวมทั้งคริสตจักรแห่งสันติภาพด้วยก็กำลังวุ่นอยู่้กับการเตรียมค่ายเหมือนกัน ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงให้ทุกสิ่งกับเราอย่างเพียงพอ ในท่ามกลางความจำกัด เราก็เห็นความรักความผูกพันที่ีมีต่อกัน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสถานที่จัดค่ายที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้กับเราอย่างดี ทั้งห้องประชุม ที่พัก ราคา อาหาร บรรยากาศ ขอบคุณพระเจ้า

 ขอบคุณพระเจ้าที่ได้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเกิดขึ้นท่ามกลางผู้รับใช้ของพระเจ้าในสหกิจคริสเตียนเเห่งประเทศไทย ได้เห็นภาพที่พี่น้องส่งมาให้ เป็นภาพของผู้นำสองท่านจับมือปรองดองกันดูแล้วชื่นใจจริงๆ ขอพระเจ้าอวยพรให้เกิดผลในคริสตจักรของท่านครับ และวันนี้สหกิจฯก็มีประธานคนใหม่และมีคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่แล้ว  ต่อไปนี้ขอพระเจ้าได้รับเกียรติสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวครับ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมาผมเดินทางไปเยี่ยมพี่น้องที่ต่างจังหวัด ท่ามกลางความยุ่งของผมที่มีงานเข้ามาในช่วงนี้อย่างมาก ทั้งงานค่าย งานส่วนรวม งานองค์กร แต่ได้รับปากกับพี่น้องเอาไว้ว่าจะมาเยี่ยม จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมพี่น้อง โดยไม่รู้ว่าพระเจ้ามีพระประสงค์อะไรพิเศษสำหรับผม รู้เเต่เพียงว่าถึงเวลาแล้วต้องไป แต่เมื่อไปถึงขอบคุณพระเจ้า พระองค์ได้ทรงนำให้ไปพบกับพี่น้องท่านหนึ่ง ที่ผมเคยพบกับพี่น้องท่านนี้มาแล้วครั้งหนึ่้งแต่นานมาก ซึ่งการพบกันครั้งนั้นพี่น้องท่านนี้ยังไม่เป็นคริสเตียน ผมรู้จักกับคุณพ่อ คุณแม่ และน้องๆ ของพี่น้องท่่านนี้ เรียกได้ว่าเป็นอย่างดีก็ว่าได้ ซึ่งผมเป็นคนนำคุณแม่และน้องชายคนเล็ก ของพี่น้องท่านนี้ต้อนรับพระเยซูคริสต์ และผมยังเป็นเพื่อนกับน้องชายคนรองของพี่น้องท่านนี้ด้วย สิ่งที่ผมตื่นเต้นก็คือได้ทราบว่าพี่น้องท่านนี้เชื่อพระเจ้าแล้ว และสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าพระเจ้ามีพระประสงค์พิเศษให้ผมไปในครั้งนี้ เพื่อจะได้มีโอกาสพบกับพี่น้องท่านนี้นั่นเอง เพราะว่าพี่น้องท่านนี้ตามหาน้องชายของท่านมาตลอดเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี เพราะว่าตั้งแต่คุณพ่อของพี่น้องท่านนี้เสียชีวิตลง ท่านก็ไม่ได้ติดต่อกับน้องชายคนเล็กเลย ท่านพยายามตามหา ไปเชคที่อยู่ที่อำเภอก็มีแต่บ้านเลขที่ ติดต่อไม่ได้ ไม่มีเบอร์โทรฯ พี่น้องท่่านนี้ทั้งหาทั้งอธิษฐานขอจากพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงทำงานของพระองค์ ผมเชื่อว่าวันนี้พี่น้องท่านนี้คงได้ติดต่อกับน้องชายคนเล็กของท่านที่ท่านตามหามาอย่างยาวนาน คงได้มีโอกาสได้พูดคุยและได้พบกันในไม่ช้านี้ ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงใช้ผม ขอบคุณมากครับพระเจ้า ผมรักพระองค์ครับ