23 มิถุนายน 2555

พระเยซูผู้มีสิทธิอำนาจ


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2012

พระธรรม มัทธิว 12:22-37
ผีมารซาตานคือศัตรูตัวสำคัญของผู้เชื่อ เปโตรได้เตือนผู้เชื่อ ให้ระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี เพราะว่ามารซาตานวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คอยเที่ยวไปหาคนที่ปล่อยตัวปล่อยใจ (1ปต.5:8) คนที่ไม่ระมัดระวังชีวิต เพื่อทำลายชีวิตของผู้เชื่อเหล่านั้น แต่พี่น้องที่รักเราไม่ต้องวิตกกังวลถ้าหากเราดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มีชัยชนะเหนือมารซาตาน พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพไม่จำกัด พระองค์เป็นผู้มีสิทธิอำนาจเหนือมารซาตาน จากพระธรรมตอนนี้เราเห็นถึงสิทธิอำนาจของพระเยซูอย่างชัดเจน คือ
1.      พระเยซูมีสิทธิอำนาจในการขับผี (มธ.12:22-29)
การขับผีของพระเยซูคริสต์ไม่เพียงทำให้ผีถูกขับออกไปเท่านั้น แต่ยังได้สำแดงถึงบางสิ่งบางอย่างให้เราได้เห็นถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้า อย่างน้อย 2 ประการ คือ
1.1  ได้สำแดงอาณาจักรของพระเจ้า (มธ.12:22-28)
พระเยซูบอกว่า แต่ถ้าเราได้ขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว แผ่นดินสวรรค์หรืออาณาจักรของพระเจ้า หมายถึงการครอบครอง เมื่อก่อนผีได้ครอบครองในจิตใจของเรา เราตกอยู่ในอาณาจักรของผีมารซาตาน แต่พระเยซูได้มาตายที่กางเขนเพื่อไถ่เรา ได้นำเราออกมาจากอาณาจักรของมารซาตาน มาอยู่ภายใต้การครอบครองของพระเจ้า นั่นคือ พระองค์พาเราเข้ามาสู่อาณาจักรของพระองค์ ดังนั้นเมื่อเรากลับใจใหม่ แผ่นดินสวรรค์จึงเข้ามาใกล้เราแล้ว (มธ.4:17) คือมาอยู่แค่เอื้อมของเรา ถ้าในฝ่ายวิญญาณ เราก็ได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์แล้ว (มธ.12:28) แต่ในฝ่ายกายภาพเรากำลังที่จะเข้าไปในวันสุดท้าย เมื่อพระเยซูมารับเรา หรือเมื่อเราจากโลกนี้ไปอยู่กับพระองค์ มารซาตานยังทำงานของมันอยู่อย่างไม่ลดละ เราจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตของเรา เพื่อไม่ให้เราต้องตกไปอยู่ในอาณาจักรของมารซาตานอีก พระเยซูสอนสาวกให้อธิษฐานว่า ขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลองเลย แต่ขอให้พ้นจากชั่วร้าย (มธ.6:13) เพราะถ้าเราไม่ระมัดระวัง ผีจะกลับมาหาเราอีก (มธ.12:43-45) ให้เราเดินติดตามพระเจ้าอย่างใกล้ชิด เพื่อว่าเราจะได้อยู่กับพระองค์เสมอไป (มธ.16:27-28) พระองค์จะทรงประทานบำเหน็จให้กับเรา (มธ.26:29, 64) เพื่อเป็นการประกาศพระราชอาณาจักรของพระองค์ร่วมกัน
1.2 สำแดงชัยชนะของพระเยซู (มธ.12:29)
พระเยซูมีสิทธิอำนาจเหนือมารซาตาน พระองค์ได้ขับผีออก ซึ่งเป็นการแสดงให้เราเห็นชัยชนะของพระเยซูที่มีเหนือมารซาตาน แม้มารซาตานจะดูยิ่งใหญ่ในสายตาของคนทั้งหลาย รวมทั้งในสายตาของผู้เชื่อบางคนหรือในชีวิตของเราบางครั้ง เราต้องเชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเยซู เชื่อในชัยชนะของพระเยซู เพราะถ้าเราเชื่อเช่นนั้น เราก็ได้รับชัยชนะเช่นนั้นด้วย (1ยน.4:3-4) มารซึ่งเป็นเจ้าแห่งการล่อลวงก็จะถูกจับโยนลงไปในบึงไฟนรก (วว.20:10) ให้เราตระหนักอยู่เสมอว่า เราเป็นผู้มีชัยชนะร่วมกับพระเยซู เรามีชัยเหนือมารซาตาน แต่บางครั้งเราพ่ายแพ้ต่อใจเราเอง เราพ่ายแพ้ต่อสภาพเศรษฐกิจ เราพ่ายแพ่ต่อการล่อลวงทางเพศ เราพ่ายแพ้ต่อชื่อเสียงเกียรติยศ ทำให้เราทอดทิ้งพระเจ้าหันไปกับสิ่งเหล่านั้น บางคนบอกว่านั่นไม่ใช่ผีมารซาตาน จริงอยู่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ผีมารซาตาน แต่มารซาตานได้ใช้สิ่งเหล่านั้นมาล่อลวงเรา เราต้องเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่เสมอ เพื่อเราจะไม่ต้องถูกทดลอง (มธ.26:41) บางครั้งเราประมาท  เราคิดว่าเราเข้มแข็งแท้จริงจิตวิญญาณของเรายังอ่อนอยู่ บางครั้งจิตวิญญาณเราเข้มแข็ง แต่ร่างกายเราอ่อนแอก็ทำให้เราถูกล่อลวงได้ง่าย เช่นคนที่กำลังป่วย คนที่กำลังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ก็อาจจะถูกมารล่อลวงได้ เราจึ่งต้องไม่ประมาท ยึงพระเยซูเอาไว้ พระองค์เป็นผู้มีชัยชนะ เราก็ได้รับชัยชนะร่วมกับพระองค์ด้วย
2. การตอบสนองต่อสิทธิอำนาจของพระเจ้า (มธ.12:23-37)
2.1 เราต้องรักษาจิตใจของเราให้ถูกต้อง (มธ.12:23-25)
อย่าให้เราเป็นเหมือนพวกฟาริสี ที่รู้อยู่แก่ใจว่าพระเยซูเป็นผู้มีสิทธิอำนาจ แต่ใจแข็งกระด้างไม่ยอมรับความจริง หรือยอมรับความจริงไม่ได้ว่า พระเยซูเป็นผู้มีสิทธิอำนาจ ใจปิดไม่ยอมเปิดรับความจริง ไม่ว่าจะเห็นความจริงอย่างไรก็ตาม ใจก็ยังแข็งกระด้าง และเมื่อเห็นพระเยซูขับผีออก ก็บอกว่าพระเยซูใช้อำนาจของนายผี พี่น้องที่รักให้เรารักษาใจของเราให้ถูกต้อง อย่ารักษาหน้ามากกว่ารักษาใจ ถ้าหากเราทำผิดก็ยอมรับว่าเราทำผิด ถ้าเราไม่รู้ก็ยอมรับว่าเราไม่รู้ พระเจ้าและทุกคนพร้อมที่จะให้อภัยแก่เรา แต่ถ้าเรายิ่งไม่ยอมรับผลเสียก็จะเกิดขึ้นกับเราในที่สุด เราต้องรักษาใจของเราเพราะว่าชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ (สภษ.4:23) อย่าปล่อยไปตามอารมณ์ความรู้สึก อย่าแช่อยู่ในความบาป อย่าปล่อยให้ความคิดแง่ลบเข้ามา จงรักษาใจของเราให้ถูกต้อง
2.2 ผูกพันตัวกับพระเจ้า (มธ.12:30)
ถ้าหากเราต้องการที่จะมีชีวิตที่ปลอดภัยเราต้องนำชีวิตของเราเข้ามาผูกพันตัวกับพระเจ้า ถ้าเราไม่มาผูกพันตัวกับพระเจ้า เราก็กำลังปล่อยให้ตัวเราตกไปอยู่ภายใต้การครอบครองของผีมารซาตาน เราควรจะตัดสินใจให้ชัดเจนว่าเราจะเลือกติดตามใครระหว่างพระเจ้ากับผีมารซาตาน การดำเนินชีวิตของเราเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราตัดสินใจในเลือกว่าเราจะเดินอยู่ฝ่ายไหน เราไม่สามารถเลือกเอาทั้งสองฝ่ายได้ ถ้าเราเชื่อพระเจ้าเราก็ต้องกระทำสอดคล้องกับความเชื่อของเรา (ยก.2:19, 22) มารมันกลัวพระเจ้าจนตัวสั่น จงเข้ามาสนิทกับพระเจ้า ด้วยการอธิษฐานการวิงวอน การอ่านพระคัมภีร์ การนมัสการพระเจ้า ด้วยการรับใช้ อย่าวิ่งหนีพระเจ้า เพราะมารจะวิ่งตามมา
2.3 ระมัดระวังคำพูด (มธ.12:31-37)
ฟาริสีพูดจาดูหมิ่นพระเจ้า ว่าพระองค์ใช้อำนาจของนายผี พระเยซูบอกว่าใครก็ตาที่พูดดูหมิ่นหรือกล่าวร้ายบุตรมนุษย์จะโปรดยกโทษให้ได้ แต่ถ้ากล่าวร้ายหรือดูหมิ่นพระวิญญาณ ไม่สามารถยกโทษให้ได้ทั้งในยุคนี้และยุคหน้า ดังนั้นเราต้องระมัดระวังคำพูดของเรา บางครั้งคำพูดของเราที่เราไม่ได้ระวังกลายเป็นคำพูดที่เป็นการดูหมิ่นพระเจ้า อาจารย์เปาโล ได้บอกว่าเมื่อก่อนท่านเคยดูหมิ่นพระเจ้า เพราะทำไปด้วยความโง่เขลา (1ทธ.1:13) เราต้องระมัดระวังคำพูด เราไม่ควรพูดเล่นไม่เป็นสาระ อย่าพูดเอาเพียงแค่สนุก บางครั้งการพูดของเราเป็นการให้ร้ายพระเจ้า หรือให้ร้ายพี่น้องของเรา หรือคำพูดของเราเป็นการกล่าวติเตียนพระเจ้า ต่อว่าพระเจ้า เมื่อพระองค์ไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา หรือบางครั้งคำพูดของเราเป็นการสบประมาทพระเจ้า ดังนั้นก่อนที่เราจะพูดอะไรออกไป เราต้องระมัดระวัง เราต่างก็เคยผิดพลาดในเรื่องนี้มาแล้ว เราไม่ควรทำผิดอีก
ดังนั้นให้เราตระหนักว่า พระเยซูเป็นพระเจ้าผู้มีสิทธิอำนาจ พระองค์ทรงขับผีออก ซึ่งเป็นการสำแดงอาณาจักรของพระเจ้า สำแดงถึงการครอบครองของพระเจ้า และชันชนะของพระองค์ที่ทรงมีเหนือผีมารซาตาน เราจึงควรมีท่าทีที่ถูกต้องต่อพระเจ้าและสิทธิอำนาจของพระองค์ เราต้องนำชีวิตของเราเข้ามาผูกพันไว้กับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา เราต้องระมัดระวังคำพูดของเรา เพื่อเราจะไม่พูดดูหมิ่นพระเจ้าและพี่น้องของเราโดยไม่ตั้งใจ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น