14 มิถุนายน 2554

ชีวิตที่เป็นแบบอย่าง

สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2011

พระธรรม โคโลสี 4:7-14
            พระธรรมตอนนี้เป็นตอนท้ายๆ ของพระธรรมโคโลสี ที่ อ.เปาโลกำลังจะจบจดหมายฝากที่มีไปถึงพี่น้องที่โคโลสี ซึ่งตอนท้ายของจดหมายฝากนี้ เป็นคำกำชับของ อ.เปาโล และได้ฝากให้พี่น้องที่โคโลสีรับรองและดูแลเอาใจใส่คนที่ถือจดหมายฝากฉบับนี้มาด้วย นั่นคือ ทีคิกัส และโอเนสิมัส ซึ่งทั้งสองคนนั้นเป็นคนที่มีแบบอย่างชีวิตที่ดีได้ร่วมกับปรนนิบัติรับใช้กับ อ.เปาโลมาตลอด ในจดหมายฝากยังได้กล่าวถึงอีกหลายคนที่มีลักษณะชีวิตที่โดดเด่น เช่น อาริทารคัสและเอปาฟรัส ซึ่งพี่น้องที่โคโลสีและรวมทั้งเราทุกคนสามารถที่จะเอาเป็นแบบอย่างชีวิตได้ จากคนต่างๆ ที่ อ.เปาโลกล่าวถึงทั้ง 4 คน เราเห็นแบบอย่างชีวิตได้  4 แบบ คือ

            1. ชีวิตที่สัตย์ซื่อและไว้ใจได้ (คส.4:7)
            ทีคิกัส เป็นผู้ที่มีแบบอย่างชีวิตที่ดีจน อ.เปาโล ยกมาเป็นตัวอย่างเพื่อสอนให้กับพี่น้องที่โคโลสีและเราทุกคน ทีคิกัสเป็นอย่างไรถึงได้เรียกว่ามีแบบอย่างชีวิตที่ดี เราเห็นได้จากที่ อ.เปาโล กล่าวว่า ทีคิกัส เป็นผู้ที่เอาใจใส่ปรนนิบัติและเป็นเพื่อนร่วมงานกับเรา ไม่ว่าอ.เปาโลจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดทีคิกัสก็ยังมีความสัตย์ซื่อในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าอยู่เสมอ  อ.เปาโล ได้ตั้งให้ทีคิกัสเป็นตัวแทนไปทำหน้าที่ต่างๆ เช่น เป็นตัวแทนของคริสตจักรในการนำเงินบริจาคไปช่วยพี่น้องที่ยากจนที่คริสตจักรเยรูซาเล็ม (กจ.20:4, 21:29)   อ.เปาโล ได้ให้ทีคิกัสไปหาติตัสที่เกาะครีตและไปช่วยติตัสที่นั่น (ทต.3:12) อีกครั้งหนึ่งไปช่วยทิโมธีที่เอเฟซัส (2ทธ.4:12)  เราต้องเป็นคนที่สัตย์ซื่อไว้ใจได้ เพื่อพระเจ้าจะได้ใช้เราได้มากขึ้น คุณลักษณะที่สำคัญเช่นนี้คือเป็นคนที่สัตย์ซื่อไว้ใจได้ (2ทธ.2:2) ควรเป็นคนสมบัติของผู้เชื่อทุกคนร่วมทั้งพี่น้องในคริสตจักรนี้ด้วย คนสัตย์ซื่อไว้ใจได้อยู่ที่ไหนพระพรของพระเจ้าก็จะมาถึงที่นั่น  (ปฐก.39:4-5)  ยิ่งสัตยัซื่อมาก ยิ่งได้รับการอวยพรมาก (มธ.24:45-47, 25:23) ถ้าเราไม่สัตย์ซื่อในทรัพย์สมบัติอธรรมแล้วใครจะมอบทรัพย์สมบัติอันแท้ให้แก่เราเล่า (ลก.16:11-12) นี่คือแบบอย่างแรกคือ ความสัตย์ซื่อและไว้ใจได้

            2. ชีวิตที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว (คส.4:9)
            ข้อนี้กล่าวถึงโอเนสิมัส ซึ่งเคยเป็นทาสอยู่ในบ้านของฟิเลโมนซึ่งเป็นคนที่รู้จักกับ อ.เปาโลเป็นอย่างดี แต่ได้ทำตัวไม่ดีและได้หนีออกมาจากบ้าน เมื่อโอเนสิมัสได้พอกับ อ.เปาโล ที่กรุงโรมและกลับใจใหม่เป็นคริสเตียนและร่วมรับใช้กับ อ.เปาโลตั้งแต่นั้นมา  อ.เปาโลจึงได้ส่งโอเนสิมัสกลับมาหาฟิเลโมน โดยขอให้ฟิเลโมนรับเขาไว้ แต่ไม่ใช่รับแบบเป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นพี่น้องในพระคริสต์ (ฟม.16)  โอเนสิมัสที่ได้กลับใจใหม่แล้วและได้ผ่านการพิสูจน์แล้ว อ.เปาโล กล่าวถึงโอเนสิมว่าเป็นลูกของ อ.เปาโล (ฟม.10) เป็นดั่งดวงใจของ อ.เปาโล (ฟม.12) มิหน่ำซ้ำ อ.เปาโลยังบอกว่าถ้าโอเนสิมัสทำผิดสิ่งใดหรือว่าเป็นหนี้ประการใดให้ไปเอากับ อ.เปาโล (ฟม.16-18) การกลับใจใหม่ต้องพิสูจน์หรือดูได้จากผลของการกระทำที่เกิดขึ้น (มธ.3:8) อ.เปาโล ก็เคยพิสูจน์ให้คนยิวเห็นแล้วว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ (กจ.9:22)  ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กเราต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเราเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว เหมือน อ.เปาโลหนุนใจทิโมธี (1ทธ.4:12) 

            3. ชีวิตที่หนุนใจ (คส.4:10-11)
            อาริสทารคัส เป็นอีกคนหนึ่งที่โดดเด่นในเรื่องการมีชีวิตที่หนุนใจ เป็นคนที่คอยให้กำลังใจหรือปลอบใจอ.เปาโล อยู่เสมอ เป็นคนที่ถูกจับพร้อมกันกับ อ.เปาโลที่เมืองเอเฟซัส คอยติดตามปรนนิบัติ อ.เปาโลอยู่เสมอ  คำพูดต่างๆ ของอาริสทารคัส เป็นคำพูดที่ให้กำลังใจ หนุนใจ ให้ความหวังอยู่เสมอ เป็นคำพูดที่คนฟังแล้วมีกำลังใจขึ้น ฟังแล้วมีความหวังใจมากขึ้น เป็นคำพูดที่ช่วยให้สามารถที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไปได้อีก ดังนั้นเมื่อเรามาเชื่อพระเจ้าแล้วเราได้รับการเปลี่ยนใหม่แล้ว เราเป็นคนใหม่แล้ว เราควรที่จะให้คำพูดของเราเป็นคำพูดที่ทำให้คนมีกำลังใจ มีความหวัง สามารถที่จะลุกขึ้นต่อสู้ได้อีก ไม่ควรให้คำพูดของเรากลายเป็นเครื่องมือของมารซาตานที่ใช้เพื่อประหารคนอื่น เราเห็นบารนาบัส มีชีวิตเป็นหนุนใจคนอื่นอยู่เสมอ แม้กระทั่งชื่อของบารนาบัส ยังแปลว่า ลูกแห่งการหนุนน้ำใจ (กจ.4:36) ทุกคนต้องการการปลอบใจ ต้องการกำลังใจ ต้องการคนเห็นใจ ต้องการคำพูดที่หนุนใจ ดังนั้นเราควรที่จะให้กำลังใจกัน หนุนใจกันอยู่เสมอ

            4. ชีวิตที่ทุ่มเทเสียสละ (คส.4:12-14)
            เอปาฟรัส เป็นอีกคนหนึ่งที่มีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง คือ เป็นคนที่ทุ่มเทเสียสละอย่างมาก เค้าเป็นคนที่บากบั่นทุ่มเท เอาจริงเอาจัง เพราะว่ามีความห่วงใยพี่น้อง โดยเฉพาะพี่น้องที่โคโลสี เขาเฝ้าอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ต้องการจะเห็นคนเหล่านั้นเติบโตขึ้นในทางของพระเจ้า อ.เปาโล ได้ยื่นยันว่า เอปาฟรัสทุ่มเททำงานหนักจริงๆ  อ.เปาโล เป็นแบบอย่างในการทุ่มเทเสียสละอย่างมากในการรับใช้พระเจ้า ได้ทุ่มเทเวลาให้กับงานของพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน (กจ.20:31) พระเยซูก็เป็นแบบอย่างในการทุ่มเทเสียสละเช่นกัน ถ้าเราสำรวจพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม เราจะพบเพียงไม่กี่ครั้งว่าพระเยซูพักผ่อน เพราะว่าวิญญาณของคนเกียจคร้านก็ยังขัดสน ส่วนวิญญาณของคนขยันก็จะอ้วนพี (สภษ.13:4) เราต้องปฏิวัติตัวเองให้กลายเป็นคนขยัน ถ้าเราไม่อยากเป็นคนขดสน หรือยากจน  เราต้องเป็นแบบอย่างชีวิตที่ดีจนเราสามารถพูดเหมือน อ.เปาโลได้ว่า ท่านทั้งหลายจงปฏิบัติตามอย่างข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามอย่างพระคริสต์ (1คร.11:1) 

                      ให้เราเลียนแบบอย่างที่ดีจากตัวอย่างดีๆ ในพระคัมภีร์ซึ่งมีมากมาย และให้เราดำเนินชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าเรียกเรา พระพรของพระเจ้าจะหลั่งไหลมาเมื่อเราสัตย์ซื่อไว้ใจได้ เราผ่านการพิสูจน์แล้ว ชีวิตของเราเป็นที่หนุนใจผู้อื่น และเราได้ทุ่มเทเสียสละอย่างเต็มที่แล้ว (สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น