พวกเราได้มีึโอกาสขอบคุณอาจารย์พิเชรษฐ์และครอบครับโดยได้เลี้ยงอาหารค่ำ ลูกๆของอาจารย์น่ารักมาก เป็นลูกสาวทั้งสองคน ในเย็นวันนั้นภรรยาของอาจารย์ได้ถามผมว่าผมคิดอย่างไรกับเรื่องผีและวิญญาณ ผมก็บอกว่าสำหรับผมเเล้วผมเชื่อว่าผีและวิญญาณมีจริง แต่ไม่ใช่วิญญาณของคนที่ตายไปแล้วแต่เป็นเหล่าทูตสวรรค์ที่กบฎต่อพระเจ้าและถูกขับออกจากสวรรค์ มันสามารถทำอะไรได้มากมาย มันสามารถที่จะปรากฎให้เราเห็นเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ ผมจึงถามว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ ภรรยาของอาจารย์พิเชรษฐ์จึงเล่าให้พวกเราฟังว่า ท่านเห็นเหมือนมีคนเดินอยู่ในบ้านที่เราพักกันเมื่อ 2-3 วันที่ผ่าน ตอนที่ขึ้นมารดน้ำต้นไม้ ความจริงแล้วตั้งแต่มิชชันนารีกลับไปแล้วก็ได้ขึ้นมาทำความสะอาดบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นหรือมีอะไรผิดปกติ จนเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางวันของวันนี้เอง (วันอังคารที่ 28 ธันวาคม) ช่วงที่พวกเราไปที่อำเภอปัว ท่านได้ขั้นมาทำความสะอาดและได้มานมัสการที่บ้านหลังนี้กับพี่น้องอีกคนหนึ่ง ปรากฎว่าทุกคนได้กลิ่นหอมของกาแฟรุนแรงมากจนพี่น้องอีกท่านหนึ่งที่ขึ้นมาด้วยกันทนไม่ได้ต้องออกไปอาเจียนนอกบ้าน
ภรรยาของอาจารย์พิเชรษฐ์จึงได้โทรศัพท์ไปปรึกษาและเล่าให้กับพี่น้องที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้าคริสตจักรพัฒนาชีวิตแบ๊บติสน่าน (ต้องขออภัยถ้าผิด) คืออาจารย์สายสุด ท่านจึงบอกว่าปล่อยไปอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ทั้งหมดจึงตกลงกันว่า จะมานมัสการและอธิษฐานกันที่บ้านหลังนี้ คือบ้านที่พวกเราพักกัน (พวกเราไม่มีใครได้เห็นหรือได้กลิ่นกาแฟ เหมือนอย่างที่ภรรยาของอาจารย์พิเชรษฐ์กับพี่น้องอีกท่านหนึ่งสัมผัสได้เลย พวกเราต่างก็นอนหลับกันอย่างสบายทั้งสองคืน)
หลังจากที่พวกเรารับประทานอาหารกันเสร็จก็เดินทางกลับมาที่บ้านพัก ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง (เวลาประมาณ 20.30 น) ซึ่งเมื่อมาถึงเราก็พบกับอาจารย์สายสุดกับพี่น้องใืนคริสตจักรพัฒนาชีวิตแบ๊บติสน่านอีกประมาณ 6-7 ท่าน มารอพวกเราอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนจึงเข้าไปในบ้าน (หลังที่พวกเราพักกัน) การแนะนำตัว การสนทนาและการแบ่งปันประสบการณ์ในเรื่องเหล่านี้ก็เริ่มต้นขึ้น พวกเราเริ่มนมัสการและอธิษฐานตั้งแต่เวลาประมาณ 3 ทุ่ม จนถึง 5 ทุ่มเศษ
ในคืนนั้นทุกคนไ้ด้พวกเราได้เห็นการทรงสถิตย์ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเรา หลายคนที่มาได้แบ่งปันพระพรที่ได้จากการนมัสการและอธิษฐาน มีพี่น้องท่านหนึ่งได้แบ่งปันว่า ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ในคืนนี้รู้สึกกลัวอย่างมาก ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะมาแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมา เมื่อมาแล้วรู้สึกว่าได้รับการปลดปล่อย ความกลัวที่เคยมีหายไปจนหมดสิ้น และรู้ว่าพระเจ้าของเราทรงมีชัยชนะเหนือผีวิญญาณชั่วทั้งหมด คืนนั้นกว่าจะแยกย้ายกันกลับบ้านก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว
ขอขอบคุณพระเจ้าอีกครั้งที่พระองค์ทรงนำพวกเรามาที่นี่เพื่อจะได้มีโอกาสหนุนใจกันและกันให้มีความเชื่อมากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญสำหรับเรา ให้เราไว้วางใจพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงนำเรา ขอเพียงเราเชื่อฟังและเดินตามการทรงนำของพระเจ้าเท่านั้นก็พอครับ
จะหาโอกาสมาเล่าเรื่องที่พระเจ้าทรงนำพวกเราในการเดินทางทริปนี้อีกภายหลังครับ
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ภาพบรรยากาศต่างๆ ในช่วงที่อยู่ที่จังหวัดน่าน
ระหว่างวันที่ 27-28 ธันวาคม 2010
อาจารย์พิเชรษฐ์ ที่ผมได้เห็นและรู้จักเป็นครั้งแรก ท่านน่ารักมากครับ
ท่านและภรรยาต้อนรับและดูแลพวกเราอย่างดี
จากซ้ายไปขวา ภรรยาผม คุณแอ (คจ.มหาชล)
คุณสุกัญญา (ภรรยาอ.พิเชรษฐ์) คุณวิลาวรรณ (คจ.อันติโอเกียลาดพร้าว)
พี่น้องที่คจ.พัฒนาชีวิตแบ๊บตีสน่าน ทำงานที่ศูนย์แสงเดือน
บ้านที่พวกเราพักกันขนาด 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องรับแขก
ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นหมู่บ้านข้างล่างอย่างสวยงาม
บ่อเกลือสินเธาว์ อยู่บนดอยภูคา เป็นบ่อเกลือภูเขาอายุ 800 ปี
มีแห่งเดียวในโลก
ภาพบรรยากาศด้านล่างเป็นลานกางเต็นท์
ถ่ายจากร้านอาหารบนดอย
ภาพบรรยากาศในร้านอาหารที่พวกเราทานกัน
ตั้งอยู่บนยอดเขา อาหารอะร่อย ราคาก็ไม่แพงเมื่อเทียบบรรยากาศของร้าน
อีกมุมหนึ่งของร้าน เป็นมุมกาแฟ บริการตัวเอง ราคาถ้วยละ 25 บาท
อีกภาพของร้านอาหาร
ภาพนี้ถ่ายจากบนเขาเป็นจุดชมวิวในตัวเมืองจังหวัดน่าน
ลูกสาวทั้งสองคนของอาจารย์พิเชรษฐ์
น้องแนน กับน้องนา (น้องปรารถนา กับน้องกรุณา) จากซ้ายไปขวา
ภาพบรรยากาศการแบ่งปันก่อนการนมัสการและอธิษฐานร่วมกัน
มีพี่น้องจากคจ.พัฒนาชีวิตแบ๊บตีสน่าน (อ.สายสุด) คจ.บ้านวังตาน (อ.พิเชรษฐ์)
พี่น้องคจ.อันติโอเกียลาดพร้าว80 พี่น้องคจ.มหาชล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น