สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2012
พระธรรม มัทธิว 13:1-23
พระเยซูได้กล่าวคำอุปมาให้กับคนต่างๆ
ฟังในเวลานั้น แล้วพระองค์ก็บอกว่า “ใครมีหูจงฟังเถิด” ซึ่งคำอุปมานั้น
ในภาษาเดิมหมายถึง “การวางไว้ข้างๆ”
ซึ่งเป็นลักษณะของการเปรียบเทียบของสิ่งของสองสิ่ง
ที่อาจจะมีลักษณะที่ตรงกันข้ามหรือเหมือนกัน คำอุปมาที่เป็นเรื่องลักษณะเช่นนี้จะทำให้ง่ายต่อการจดจำ
แต่จะเข้าใจได้ก็ต่อเมื่อต้องใช้ความคิดและให้ความสนใจอย่างมาก
พระเยซูจึงบอกกับสาวกว่าเป็น “ข้อความล้ำลึกแห่งแผ่นดินสวรรค์” (มธ.13:11-13)
พระเยซูได้เปรียบเทียบคนที่ได้ยินได้ฟังพระวจนะของพระองค์เป็นเหมือนดิน
และพระวจนะเป็นเหมือนเมล็ดพืชที่ได้หว่านลงไป ซึ่งดินในตอนนี้ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1. ดินแข็ง (มธ.13:4,
19)
ดินแข็ง
หมายถึงคนที่มีใจแข็งกระด้าง ซึ่งเปรียบเสมือนถนนหนทาง
ที่ทั้งคนและรถเหยียบย่ำลงไปอยู่เสมอ ทำให้บริเวณนั้นแข็ง เมื่อหว่านเมล็ดพืชลงไป
เมล็ดก็ไม่สามารถที่จะฝังตัวลงไปได้ เมื่อลมพัดมาก็จะพัดเอาเมล็ดพืชนั้นไปเสีย
หรือเมื่อนกบินผ่านมาเห็นเข้าก็มาจิกกินเสีย เมล็ดที่หว่านลงไปนั้นก็เปล่าประโยขน์
เช่นเดียวกับใจของคนที่แข็งกระด้าง เมื่อได้ยินได้ฟังพระวจนะของพระเจ้า
ก็ไม่ได้ซึมซับลงในจิตใจ ไม่ตอบสนองต่อพระวจนะนั้น
อ.เปาโลเคยว่าพวกธรรมาจารย์เหมือนมีผ้าคลุมหน้าอยู่
เมื่ออ่านพระวจนะของพระเจ้าแล้วก็ยังไม่เปิดผ้าออก (2คร.3:14-16)
เหมือนมีม่านมาปิดบังตาใจของเขาอยู่
อย่าให้อะไรมาเป็นเหมือนม่านที่ปิดบังสายตาฝ่ายวิญญาณของเรา
อย่างให้อะไรมาขัดจังหวะเราขณะที่เราฟังพระวจนะของพระเจ้า
ให้เราไวต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานอยู่ในชีวิตของเรา หรืออย่าดับพระวิญญาณ (1ธส.5:19) อย่าให้ใจของเราดื้อรั้น (ฮบ.4:7) เพื่อใจของเราจะไม่แข็งกระด้างไปเป็นดั่งดินแข็ง
2. ดินปนหิน (มธ.13:5-6,
20-21)
ดินปนหิน
หมายถึงดินที่มีหินปนอยู่ แต่มีเนื้อดินน้อย
ซึ่งหมายถึงคนที่ตอบสนองดีแต่ไม่เอาจริงเอาจัง
เมื่อได้ยินได้ฟังพระวจนะก็รับเอาทันทีทันใด แต่ไม่ลงลึกกับพระวจนะนั้น
ไม่ได้ทำตามอย่างจริงจัง แต่เมื่อเจออุปสรรคปัญหาก็เลิก
หรือเมื่อเจอการทดสอบทดลองเล็กๆ น้อยๆ ก็ตกลงไปสู่การทดลองนั้น ทำให้ชีวิตไม่ไปถึงไหนสักที
เหมือนคนเมาเหล้า เดินไปข้างหน้าได้สามก้าว และก็เดินถอยหลังกลับมาสองก้าว
ขณะที่คนอื่นเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว
พระเยซูได้บอกว่าคนเช่นนี้ไม่สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า (ลก.9:62)
เราจำเป็นที่จะต้องลงลึกกับพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ เพื่อเราจะได้ก่อรากขึ้นในพระเจ้า
(คส.2:7) เราจะต้องเป็นคนเอาจริงเอาจัง เราต้องอดทน
และเอาชนะอุปสรรคและหรือการทดลองต่างๆ ให้ได้ เมื่อเราผ่านพ้นไปแล้ว
เราจะเป็นคนที่เห็นการอวยพรจากพระเจ้า
3. ดินปนหนาม (มธ.13:7,
22)
ดินปนหนามหมายถึงดินที่มีต้นหนามหรือต้นไม้อื่นขึ้นปะปนอยู่ด้วย
แต่ว่าต้นหนามหรือต้นไม้เหล่านั้นเจริญเติบโตและแข็งแรงกว่า
ซึ่งต้นหนามก็ปกคลุมทำให้ต้นไม้หรือพืชอื่นที่งอกขึ้นไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร
ซึ่งหมายถึงคนที่เชื่อพระเจ้าแล้วแต่ยังมีความวิตกกังวลในสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
ไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า มีความรักโลกและสิ่งของต่างๆ ในโลกอยู่
ทำให้ไม่สามารถตัดกิเลสตัญหาของตนเองออกไปได้ มีลักษณะเหมือนว่า รักพระเจ้าก็รัก
รักความสบายและสมบัติในโลกก็รัก สวรรค์ก็อยากได้ แต่ก็อยากทำตามใจตนเอง
พระเยซูบอกว่าไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ (มธ.6:24) เราจะต้องตัดสินใจเลือกที่จะเดินติดตามพระเจ้าหรือว่าทำตามใจตนเอง
เราต้องตัดสินใจว่า เราจะไว้วางใจพระเจ้าหรือกระวนกระวายใจต่อไป
เพราะเราไม่สามารถทำทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน จงไว้วางใจในพระเจ้า
เพราะเรามีความจำกัด
4. ดินดี (มธ.13:8,
23)
ดินดี
หมายถึงดินที่มีธาตุอาหารครบถ้วน มีองค์ประกอบต่างๆ ดี
เมื่อปลูกพืชอะไรลงไปก็จะให้ผลผลิตดีตามมาด้วย
ซึ่งหมายถึงคนที่มีจิตใจพร้อมที่จะตอบสนองและเชื่อฟัง และทำตามพระวจนะของพระเจ้า
จิตใจมีการตอบสนองที่ดี เป็นคนใจเปิดพระวจนะของพระเจ้าว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น
แม้อาจจะไม่เข้าใจแต่ก็ยินดีเชื่อฟัง คนประเภทนี้ใจเป็นเรื่องสำคัญ
ให้เราระวังรักษาใจของเราให้ดี เพราะชีวิตเริ่มต้นที่ใจ (สภษ.4:23) ใจเขาเราตอบสนองมากเท่าไหร่
เราก็จะเกิดผลเท่านั้น
พระเจ้าะใหญ่เท่าไหร่ก็เท่ากับใจของเราที่มีต่อพระเจ้านั่นเอง
พระวจนะของพระเจ้าจึงบอกว่า เกิดผลสามสิบเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง ร้อยเท่าบ้าง
นั่นแสดงว่า เราแต่ละคนจะเกิดผลไม่เท่ากันได้ ขึ้นอยู่กับตัวเรา
ขึ่นอยู่กับการตอบสนองของเรา ไม่ใช่พระวจนะของพระเจ้า
ดังนั้นให้เราเป็นคนที่ตอบสนองพระวจนะของพระเจ้า
ให้ใจของเราเปิดรับพระวจนะของพระเจ้าแม้ว่าเวลานี้เรายังทำตามที่พระวจนะของพระเจ้าบอกไม่ได้ก็ตาม
แต่เราตัดสินใจที่จะกระทำตามนั้นก่อนและเมื่อวันเวลาผ่านไปเราเข้าใจมากขึ้นเราก็สามารถที่จะทำตามได้มากขึ้น
แม้ว่าวันนี้เรายังไม่สมบูรณ์แต่พระเจ้าก็ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นให้เราเข้ามาหาพระเจ้าขอรับการช่วยเหลือจากพระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น