สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม 2011
พระเจ้ามีพระสัญญาที่ให้ไว้กับเรามากมาย ถ้าเราอ่านพระวจนะของพระเจ้าเราจะพบกับพระสัญญาของพระเจ้าอยู่เสมอ พระเจ้าไม่เพียงแต่ทำพันธสัญญาหรือให้แนวทางกับเราเท่านั้น แต่พระองค์จะทรงกระทำตามพระสัญญาของพระองค์ด้วย พระองค์จะตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆของเรา คือเราจะได้รับพระพร แต่ที่สำคัญเราจะรับพระสัญญาของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตได้อย่างไร เราต้องรู้ว่าพระเจ้าแสนดี เราเห็นอย่างชัดเจนจากการทรงสร้างของพระเจ้าใน ปฐก.1-2 พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งอย่างดี และเราเห็นในพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม ที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย เราไม่เห็นพระคัมภีร์ตอนไหนที่พระเจ้าสร้างความเจ็บป่วย หรือว่าความยากจนให้กับมนุษย์ แต่มนุษย์ทำบาปและนำความเจ็บป่วย ความยากจนและปัญหาต่างๆเข้ามา แต่พระเยซูได้มาช่วยเหลือเราผ่านการตายทีกางเขน เราเห็นน้ำพระทัยของพระเจ้าผ่านทาง ยน.10:10 มารนั้นมาเพื่อจะลักฆ่าและทำลายเสีย แต่พระเยซูมาเพื่อเราจะได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ นี่คือพระสัญญาของพระเจ้าเป็นพระสัญญาที่ดี เราจะรับพระสัญญาของพระเจ้าเข้ามาอย่างไร
คือเราต้องมีความเชื่อ (มก.11:22-24) พระเยซูสั่งให้เรามีความเชื่อและเป็นความเชื่ออย่างไม่สงสัย เชื่อว่าจะได้รับตามที่เราอธิษฐาน พระเยซูจึงตรัสตอบเหล่าสาวกว่า “จงเชื่อในพระเจ้าเถิด เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดๆ จะสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงลอยไปลงทะเล’ และมิได้สงสัยในใจแต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นตามนั้นจริง เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น
จากพระธรรมตอนนี้ เราเห็น 3 สิ่งที่จะทำให้เราได้รับตามพระสัญญาของพระเจ้า เป็น 3 สิ่งที่เราทั้งหลายเห็นจากพระวจนะของพระเจ้า
สิ่งแรก คือ ความปรารถนาของเรา เราต้องมีความปรารถนาหรือมีความต้องการ
สิ่งที่สอง คือ เราต้องอธิษฐานขอในสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่เป็นการขอแบบตื้อจากพระเจ้า แต่เป็นการขอแบบทำความเข้าใจตรงกันกับพระเจ้าตามน้ำพระทัยของพระองค์
สิ่งที่สาม คือ เราต้งอมีความเชื่อในสิ่งที่เราอธิษฐานว่าสิ่งนั้นเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เราต้องเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าจะทำตามพระสัญญาของพระองค์
เราเห็นตัวอย่างของพระเยซูที่อธิษฐานต่อพระบิดาแล้วเรียกราซารัสให้ฟื้นขึ้นจากความตาย (ยน.11) พระเยซูถามมาธาว่าเจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม (ยน.11:26) นางตอบว่าเชื่อพระองค์เจ้าข้า พระเยซูจึงบอกว่า ถ้าเจ้าเชื่อเจ้าก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (ยน.11:40) เมื่อพระเยซูอธิษฐานต่อพระบิดาและสั่งด้วยสิทธิอำนาจ ลาซารัสก็ฟื้นขึ้นจากความตาย
ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง (ฮบ.11:1) ถ้าเรามีความเชื่อเราก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตของเราเหมือนกับคนต่างๆ ในพระคัมภีร์ เช่น อับราฮัม มีลูกโดยความเชื่อเมื่อท่านอายุได้ 100 ปี นางซารายภรรยาของท่านอายุ 90 ปี ดังนั้นกุญแจสำคัญคือความเชื่อ อับราฮัมมีความเชื่อในพระเจ้า ท่านเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์กระทำทุกสิ่งได้ตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ (รม.4:21) ความเชื่อเป็นความวางใจในพระเจ้า เป็นการวางลง มีลักษณะของการพิง หรือพักไว้ เป็นความมั่นใจ เหมือนที่อ.เปาโลมีความมั่นใจในพระวจนะของพระเจ้าว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า อ.เปาโลจึ่งไม่มีความละอายต่อข่าวประเสริฐ (รม.1:16) ข่าวประเสริฐเป็นเหมือนระเบิด ที่พร้อมจะระเบิดออกมาเมื่อมีการจุดชนวน ด้วยประกายไฟแห่งความเชื่อ เราเห็นความเชื่อของหญิงที่ป่วยเป็นโรคโลหิตตกมาได้ 12 ปี นางมีความเชื่อ นางเชื่อว่าเพียงได้แตะต้องชายฉลองของพระเยซูนางก็จะหายโรคได้ นางจึงพยายามที่จะเบียดเสียดกับคนอื่นๆ ที่จะเข้าไปให้ถึงพระเยซู (มก.5:25-34) พระเยซูตรัสว่า ที่เจ้าหายเพราะเจ้าเชื่อ เราเห็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่พระเยซูทรงรักษาลูกสาวของไยรัสที่ตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาอีก สิ่งที่พระเยซูได้บอกกับไยรัสว่า อย่าวิตกเลยจงเชื่อเท่านั้นเถิด (มก.5:36)
เราเห็นแล้วว่าความเชื่อเป็นประกายไฟที่จะจุดระเบิดให้เกิดการระเบิดขึ้นในชีวิตของเรา พระองค์พร้อมที่จะช่วยเหลือเราอยู่เสมอ พระองค์ตรัสว่า “ถ้าช่วยได้นะหรือ ใครเชื่อก็ทำได้ทุกสิ่ง” (มก.9:23) ให้เรารักษาความเชื่อของเราเอาไว้ และให้เราพัฒนาความเชื่อของเราให้มีมากขึ้น ความเชื่อสามารถช่วยเราได้ เราสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความเชื่อ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)
ขอพระเจ้าอวยพรครับ