16 กุมภาพันธ์ 2555

ความรักสี่แบบ

            หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าทำไมวันวาเลนไทน์ จึงตรงกับวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ เพราะว่าวันนั้นเป็นวันเสียชีวิตของเซนต์วาเลนไทน์ (นักบุญแห่งความรัก) เซนต์วาเลนไทน์ เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้น อาณาจักรโรมันต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สองต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมดอย่างสิ้นเชิง
            แต่เซนต์วาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกนั้นเอง เซนต์วาเลนไทน์ได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทำให้กลายมาเป็นแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง
นั่นเป็นความรักของคนๆ หนึ่ง บทเรียนวันนี้เราจะมาพิจารณาความรักในมุมมองของพระคัมภีร์ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในพระคัมภีร์ใหม่ปรากฏคำเกี่ยวกับความรักอยู่ถึง 4 คำด้วยกัน ใช้บรรยายความรักที่ชัดเจนลงไปถึง 4 แบบ

1. ฟิลิออส (Philios) หรือ ฟิเลออส (Phileos)
ยอห์น 16:19 "ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะ รัก (ฟิเลโอ-Phileõ) ท่านซึ่งเป็นของโลก แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก เพราะเราได้เลือกท่านออกจากโลก เหตุฉะนั้น โลกจึงเกลียดชังท่าน"
เป็นความรักอย่างแรกของความรักสี่แบบที่กรีกค้นพบและได้ตั้งชื่อไว้ ฟีลิออสเป็นรักง่ายๆ เป็นความรัก ระหว่างเพื่อน เป็นมิตรภาพที่เพื่อนมีต่อเพื่อน เป็นรากฐานของความจำเป็นในสังคมของมนุษย์ โดยนิสัยพื้นฐานมนุษย์ต้องการความรักและการยอมรับ พระเจ้าได้สร้างสัตว์กลุ่มต่างๆ และเราก็ต้องมีสังคมเพื่อจะดำรงอยู่ได้ เพราะมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างให้อยู่คนเดียว พระเจ้าตรัสว่า (ปฐมกาล 2:18-20" ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียว เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ ที่สมกับเขาขึ้น" พระเจ้าจึงทรงปั้นบรรดาสัตว์ ในท้องทุ่ง และนกในท้องฟ้า ให้เกิดขึ้นจากดิน แล้วทรงนำมายังชายนั้น เพื่อดูว่าเขาจะเรียกชื่อมันว่าอะไร...แต่ชายนั้น ยังหามีคู่อุปถัมป์ที่สมกับตนไม่)
 ครอบครัวจึงเป็นสังคมแรก และมนุษย์ต้องอยู่อาศัยด้วยกัน เพื่อมีชีวิตรอด เป็นการเอื้อเฟื้อให้แก่กันโดยพื้นฐาน ฟิเลออส จึงเป็นรักชนิดหนึ่งที่พูดได้ว่า "ฉันต้องการเธอ ฉันจะเป็นเพื่อนกับเธอ เธอต้องการฉัน เธอก็จะเป็นเพื่อนกับฉัน" แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์ ชีวิตไม่ยืนยาว ทุกคนต้องตาย ความรักแบบฟีเลออส จึงเป็นรักที่เห็นแก่ตัว เช่น "ฉันชอบเธอ ถ้าเธอชอบฉัน" ฟิเลออสไม่ค่อยให้อะไรใครเพื่อความรัก แต่เป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้ง ย่อมพัฒนาเป็นรักที่ลึกซึ้งต่อไปได้ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นกับใครซักคนที่ตนรัก ฟิเลออสมักจะ "มีผลอะไรกับฉันบ้าง" รักแบบนี้จึงเอาตัวเองเป็นหลัก ให้และตอบแทนกัน เมื่อมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะเป็นรักแบบเพื่อน แต่ก็ไม่สามารถตายแทนกันได้ 

2. สตอรเก้ (Storge)
เป็นความรักแบบญาติพี่น้อง เกิดขึ้นในคนทุกคน สตอรเก้ เป็นรักที่พัฒนาขึ้นมาอีกระดับ ชีวิตของคนเราจะมีความเกี่ยวพันกันในการเลี้ยงดู พ่อแม่เลี้ยงดูลูกที่เกิดมา ในสัตว์ประเภทเดียวกัน เกิดมาก็รวมกลุ่มกันเพื่อความอยู่รอด คือ รักกันตามสัญชาตญาณ ไม่ต้องบอกผู้เป็นแม่ ว่าให้ปกป้องลูกน้อย เพราะมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ แม่รักลูกตัวเอง ได้อย่างง่ายดาย เพราะนั่นเป็นลูกของแม่ แต่ความรักแบบ สตอรเก้ก็ยังเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว เพราะมีเรื่องเงื่อนไข ผลตอบแทนทางอารมณ์ มาเกี่ยวข้อง การแสดงออกแบบ สตอรเก้ พ่อแม่เรียนรู้ความรักแบบนี้ได้ พอเด็กโต เด็กก็จะ เรียนรู้ความรักนี้โดยอัตโนมัติ
ความรักในแบบฟิเลออสจะเป็นในลักษณะที่ว่า ฉันจะรักคุณ ถ้า..... แต่ในแบบ สตอรเก้ คือ ฉันจะรักคุณ เพราะฉันควรรักคุณ อย่างเมื่อเด็กโตขึ้นมา มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ระหว่างเครือญาติ ความรักแบบสตอรเก้ยังเป็นรักแบบมีเงื่อนไข หวังการตอบแทน จึงยังเป็นความรักแบบมนุษย์ เรายังคงรักกันอย่างที่เราเป็น หรืออย่างที่ทุกคนเป็น 

3. อีรอส (Eros)
อีรอส เป็นความรักที่ต้องการให้ได้มาบนพื้นฐานความเห็นแก่ตัว เป็นรักที่ไม่ถาวร เป็นความรักที่เกี่ยวข้องกับความใคร่ เกี่ยวพันกับเรื่องทางเพศ อีรอส เป็นความรัก ที่ตอบสนองความงามของวัตถุ และการใช้อีรอสในทางที่ผิดจะนำไปสู่ความเสื่อม (ปฐมกาล 1:27 "พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้น ตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน")
พระเจ้าสร้างผู้ชายและผู้หญิงเพื่อมีเสน่ห์ต่อกันและกัน พระเจ้าตั้งใจให้ผู้ชาย และผู้หญิงรวมกัน เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้กำเนิดลูกหลานบนแผ่นดิน ในสวนเอเดน พระเจ้าได้ให้อำนาจมนุษย์ในการควบคุม ความรักแบบอีรอส มีอารมณ์ดึงดูดทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ชายและหญิงประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน (One Body) อีรอส จึงเป็นความรักของมนุษย์ที่ไม่ใช่ "ความต้องการ" ของพระเจ้า
อีรอส คล้ายๆ กับ ฟิเลออส คือมีตัวเองเป็นใหญ่ และเหมือนสตอรเก้ ที่ต้องการสิ่งตอบแทน จริงๆ แล้ว ความรักแบบอีรอส ก็เป็นกิเลสตัณหาฝ่ายเนื้อหนัง แต่อีรอสก็เป็นมากกว่าความต้องการทางกายอย่างเดียว มันเป็นเรื่องจิตใจด้วย มันได้รับการออกแบบจากผู้สร้าง ที่จะทำให้เราสังเกตุกันและกัน เพื่อจะตกหลุมรัก ก้าวไปสู่ความรักที่แท้จริง ที่ไม่ใช่แค่ตัณหา แต่เป็นความรักที่งดงาม คบกันและแต่งงานกัน ซึ่งความรักแบบมนุษย์ทั้ง 3 ประเภทนี้ ไม่ต้องให้พระเจ้าเข้ามาช่วยเหลือให้เกิดขึ้น 

4. อากาเป้ (Agape) หรือบางคนออกเสียงว่า อกาเป้
ยอห์น 3:16 "เพราะว่าพระเจ้าทรง รัก (อากาเป้) โลก จึงได้ประทาน พระบุตรองค์เดียว ของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจ ในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์"
อากาเป้เป็นรักในระดับสูงสุด รักที่ให้แก่กัน ไม่คิดถึงตัวเอง และสละได้ทุกสิ่งเพื่อคนที่รัก ไม่มีเปลี่ยนแปลง และให้ได้เสมอ แม้เป็นศัตรู ความรักแบบอากาเป้จึงไม่ได้หมายถึง รักในชื่อเสียง รักในเงินทอง หรือรักในอะไรก็ตาม ที่คนเรายอมตายถวายชีวิตให้ การที่พระเยซูคริสต์ยอมตาย เพื่อคนอื่นจึงเรียกได้ว่า เป็นความรักแบบอากาเป้ จนกระทั่งมีคำพูดเขียนไว้ว่า “ความรักของพระเจ้าไม่ใช่แบบอีรอสหรือสตอรเกิหรือฟิเลออสแต่เป็นความรักแบบอากาเป้” (Not that God is Eros or Stroge or Philia but  Agape) อากาเป้เป็นความรัก แบบไม่มีเงื่อนไข ในบรรดาความรักทั้งหมด อากาเป้อาจเรียกได้ว่าดีที่สุด เพราะความรัก สามแบบแรกล้วนแต่เกิดขึ้นในใจคนเราได้ โดยไม่ต้องพยายาม เราย่อมจะรักพ่อแม่ของเรา รักเพื่อนเพราะเขาดีกับเรา แต่อากาเป้ เป็นความรักชนิดเดียว ที่มนุษย์จะต้องสร้างไว้ในใจตัวเองได้ เพราะเป็นความรักที่ต้องมีให้แม้แต่คนที่เกลียดชังเรา

สรุป ความรักทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความรักของพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นความรัก บริสุทธิ์ สมบูรณ์แบบ แต่รักทุกแบบ ไม่ต้องให้พระเจ้าช่วย เว้นแต่อากาเป้ เป็นรักที่ต้องให้พระเจ้าเข้ามาช่วยสร้าง เป็นรักในแบบที่พระเจ้าต้องการ (นิยามความรัก) 

พระคัมภีร์สำหรับท่องจำ :  เยเรมีห์ 31:3 “เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อเจ้าสืบไป”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น