สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2012
พระธรรม เอเฟซัส 4:16
พระธรรมตอนนี้เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องมาจากเรื่องราวของของประทาน 5 อย่าง ที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงประทานให้กับคริสตจักร เพื่อเป็นการเตรียมธรรมิกชนให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูคริสต์ เพื่อไม่ให้ถูกซัดไปซัดมา หรือหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนอันไม่มีหลัก พระเจ้าต้องการเห็นคริสตจักรของพระองค์เติบโตขึ้น ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ พระองค์จึงได้ให้ของประทานกับคริสตจักรเอาไว้ การเจริญเติบโตของคริสตชนและคริสตจักรถือว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ชี้ให้เห็นหลักการที่สำคัญที่จะทำให้คริสตจักรของพระเจ้าจะเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคงเอาไว้ 4 ประการคือ คริสตจักรที่
1. มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง (อฟ.4:16)
คริสตจักรของพระเจ้าจะเติบโตได้อย่างมั่นคง จะต้องเป็นคริสตจักรที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง นั่นหมายความว่าคริสตจักรจะต้องให้พระเจ้าเข้ามาเป็นเอกเป็นหนึ่งในคริสตจักร ซึ่งแสดงออกมาที่สมาชิกทุกคนยอมให้พระเจ้าเข้ามาเป็นเอกเป็นหนึ่งในชีวิต พระเจ้าต้องเป็นศูนย์กลางไม่ใช่ผู้นำหรือใครคนใดคนหนึ่ง คริสตจักรต้องยอมให้พระเจ้าเข้ามาครอบครอง คริสตจักรของพระเจ้าต้องทำตามแผนการของพระเจ้าและพึ่งพาพระเจ้า ทูลวิงวอนต่อพระเจ้า (ลก.10:2) อย่างทำตามความคิดของเราเองแต่พึ่งพาพระเจ้าและให้พระเจ้าทรงนำหน้าเสมอ
2. มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน (อฟ.4:16)
พระคัมภีร์ตอนนี้บอกว่า ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิท จึงเป็นร่างกายที่มีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ ที่ไหนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่นั่นจะเห็นพระพรของพระเจ้า พระองค์จะทรงบังคับบัญชาพระพรของพระองค์ลงมา (สดด.133:1-2) ไม่ว่าจะเป็นในคริสตจักร หรือในบ้าน หรือในที่ทำงาน หรือในชุมชน ที่ไหนมีความแตกแยกที่นั่นมีแต่ความล้มเหลว (มก.3:23-26) ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่เพียงแต่จะทำให้พระพรของพระเจ้าลงมา ยังมีพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถจะทำสิ่งใดๆก็ได้ (ปฐก.11:1-6) คนจะเติบโตขึ้น คริสตจักรจะเติบโตขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ เมื่อคริสตจักรมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
3. มีความรักความผูกพัน (อฟ.4:16)
พระคัมภีร์กล่าวต่อไปอีกว่า ประสานกันทุกข้อต่อที่ทรงประทาน ร่างกายไม่ได้เอาอวัยวะต่างๆมาผูกติดกันไว้เท่านั้น แต่ต้องเชื่อมต่อกันด้วยความรัก คริสตจักรไม่ใช่สมาคมหรือสโมสร แต่มีลักษณะเป็นครอบครัวที่มีความรักความผูกพันกัน มีความรับผิดชอบต่อกัน ห่วงใยกัน สนใจกัน เอาใจใส่กัน คริสตจักรของพระเจ้าจึงจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความรักความผูกพันที่มีต่อกันในพระเจ้า จน อ.เปาโลบอกว่าไม่มีอะไรมาแยกความรักที่เรามีอยู่ในพระเจ้าได้ (รม.8:39) อ.เปาโลเตือนว่าอย่าให้เราเป็นหนี้อะไรใครนอกจากความรัก (รม.13:8) คริสตจักรจะต้องรักและผูกพันกัน
4. รับใช้ตามของพระทาน (อฟ.4:16)
พระคัมภีร์บอกเราในตอนสุดท้ายว่า เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว นั่นหมายความว่า เมื่อเราทุกคนทำหน้าที่ของเราตามของประทานที่พระเจ้าให้อย่างเหมาะสมหรืออย่างสมควรแล้ว เมื่อนั้นคริสตจักรก็จะเติบโตขึ้น เราต้องสำรวจตัวเราเองว่า เราได้รับใช้พระเจ้าตามของประทานที่พระเจ้าให้แล้วหรือยัง เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง เมื่อเจ้านายกลับมาจะเรียกบ่าวของตนไปถาม (มธ.25:14-17) คนไหนที่สัตย์ซื่อก็จะได้รับรางวัล แต่ถ้าหากคนไหนเอาไปฝังดินไว้ ก็จะโดนลงโทษ (มธ.25:24-26) ให้เราทุกคนรับใช้อย่างเต็มกำลังความสามารถตามของประทานที่พระเจ้าให้กับเรา อย่ามัวแต่มองดูคนอื่น อย่ามัวแต่รอเวลา แต่จงเริ่มตั้งแต่เวลานี้ เพื่อคริสตจักรของพระเจ้าจะเติบโตขึ้นเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น