23 พฤศจิกายน 2555

ก้าวแห่งการอัศจรรย์


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน 2012

พระธรรม มัทธิว 14:24-36

เหตุการณ์ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจาก 2 เหตุการณ์ที่ยอห์นซึ่งเป็นทั้งเพื่อนผู้รับใช้และเป็นทั้งญาติสนิทที่ถูกเฮโรดสั่งตัดหัวอย่างไม่สมเหตุสมผล ทำให้พระเยซูต้องการที่จะพักสงบและอธิษฐานกับพระเจ้า แต่ก็มาเห็นความทุกข์ของประชาชนที่เจ็บป่วย พระองค์ทรงเมตตาสงสารเขาเหล่านั้นจึงได้ทรงรักษาเขาให้หายทุกคน และยังได้เลี้ยงอาหารพวกประชาชนเหล่านั้นอย่างอิ่มบริบูรณ์ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นพระเยซูยังรอส่งพวกเขากลับบ้านจนครบทุกคน พระองค์จึงได้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานจนเวลาล่วงเลยมาถึงประมาณยามสาม หรือประมาณตีสาม พระองค์ก็เดินไปหาเหล่าสาวกที่ลงเรือล่วงหน้ามาก่อน ขณะที่เหล่าสาวกกำลังพายเรือทวนกระแสลมอยู่นั้นก็เห็นพระเยซูเดินมาบนน้ำคิดว่าเป็นผีก็ตกใจกลัว แต่พระเยซูบอกว่าเป็นพระองค์เอง เปโตรจึงขอให้ตนเองเดินไปบนน้ำหาพระองค์ พระเยซูก็อนุญาต แต่เมื่อเปโตรเดินไปใกล้ถึงพระเยซูเกิดกลัวจึงจมลงไปในน้ำ พระเยซูก็ช่วยเอาไว้ เมื่อพากันมาถึงฝั่งแล้ว ประชาชนก็จำได้ว่าเป็นพระเยซูจึงไปบอกคนอื่นๆ ให้พาคนเจ็บคนป่วยมาหาพระองค์ เพื่อขอแตะชายเสื้อของพระองค์ (มธ.14:34-36) การอัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างมากมายจากเหตุการณ์ตอนนี้ โดยเฉพาะกับเปโตร สิ่งที่เปโตรทำในครั้งนี้เป็นสิ่งที่สอนเราทั้งหลายถึงเรื่องของการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดี แม้เปโตรจะก้าวเดินไปหาพระเยซูได้ไม่กี่ก้าว แต่ก็เป็นก้าวแห่งการอัศจรรย์ เราเห็นอย่างน้อย 2 ประการเกี่ยวกับก้าวแห่งการอัศจรรย์
1. กล้าที่จะก้าวออกไป (ข้อ24-29)
การอัศจรรย์จะเกิดขึ้นได้จะต้องมีความกล้าที่จะเชื่อว่าพระเจ้าจะทำการอัศจรรย์ผ่านชีวิตของเรา หรือเกิดขึ้นในชีวิตของเรา เป็นก้าวแรกแม้อาจจะยังไม่มากนัก แต่เป็นก้าวที่สำคัญ ถ้าไม่มีก้าวแรกก็จะไม่มีก้าวที่สอง เราเห็นเปโตรกล้าที่จะขอจากพระเยซู เมื่อเรากล้าที่จะขอพระเจ้าก็กล้าที่จะให้กับเรา เพื่อเราจะได้มีประสบการณ์ และจะทำให้เราก้าวต่อไป บางคนเอาแต่กลัว ครั้งแรกที่เปโตรเห็นรพระเยซูคิดว่าผีก็กลัว แต่เค้าก็อยากจะไปหา เราต้องขอให้พระเจ้าเอาความกลัวออกไปจากหัวใจของเรา และใส่ความกล้าหาญให้กับเรา ดังนั้นให้เราเริ่มต้นด้วยก้าวเล็กๆ ก้าวออกไปด้วยความกล้าหาญ ให้เรามองที่พระเจ้า ไม่มองที่ปัญหา เราเห็นว่า เมื่อเปโตรมองที่คลื่นลมก็เกิดความกลัวขึ้นมาทำให้ตัวเองจมลงไป ปัญหาไม่ได้ช่วยเรามีแต่ทำให้เราตกต่ำลง เราจึงต้องจับจ้องมองที่พระเจ้า ถ้าพระเจ้าเรียกเราให้เราตอบสนองและอย่ากลัว มองที่พระเจ้าเอาไว้
2. ก้าวไปด้วยความเชื่อ (ข้อ30-33)
เมื่อเปโตรมองที่คลื่นลม ก็ทำให้เปโตรจมลงไปในทะเล เมื่อพระเยซูช่วยเปโตรขึ้นมาได้แล้ว ก็จึงกล่าวกับเปโตรว่า ท่านสงสัยทำไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง เมื่อก้าวออกไปแล้ว อย่าสงสัย จงก้าวไปด้วยความเชื่อ เมื่อก้าวมากับพระเจ้าแล้วจงเชื่อวางใจในพระเจ้า ความสงสัยในพระเจ้าไม่เคยทำให้ใครประสบความสำเร็จ แต่ความไว้วางใจในพระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยทำให้เราประสบความสำเร็จ อย่าเป็นเหมือนเปโตร ที่มีประสพการณ์กับพระเจ้าแล้ว แต่เกิดความสงสัย เกิดความกลัวขึ้นมา สาเหตุที่เปโตรสงสัยและเกิดความกลัวขึ้นมาก็เพราะว่า เปโตรไม่ได้มองที่พระเยซู แต่มองที่คลื่นลม มองไปที่ทะเลที่ว่างเปล่า มองไปที่ความมืดที่ปกคลุมอยู่ในเวลานั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เปโตรจมลงในทะเล จงยึดพระเจ้าเอาไว้ จงมองอยู่ที่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด การที่เราก้าวออกไป แน่นอนต้องมีอุปสรรค แต่พระเจ้าของเราใหญ่กว่าสิ่งเหล่านั้นมาก เมื่อพระเจ้าทรงนำเราแล้ว พระองค์จะทรงช่วยเราให้สำเร็จ (สดด.37:23-25) เมื่อเปโตรจมลงไปพระเยซูก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เมื่อพระเจ้าทรงนำเราไปทางไหน ให้เราตามไปด้วยความเชื่อ ไม่สงสัยในพระเจ้าหรือแผนการของพระองค์ ให้เราไว้วางใจในพระเจ้าผู้ทรงเป็นเหมือนวานนี้ วันนี้ และสืบไปเป็นนิจ อย่าสงสัยในความรักของพระเจ้า อย่าสงสัยในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า อย่าสงสัยในความอัศจรรย์ของพระเจ้า จงกล้าที่จะก้าวออกไปและก้าวไปด้วยความเชื่อแล้วเราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น