สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2012
พระธรรม มัทธิว 15:1-20
หลังจากที่พระเยซูได้ทำการรักษาโรคต่างๆ
ของชาวบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือของพระเยซู
พระองค์กับเหล่าสาวกของพระองค์ก็ประกาศข่าวประเสริฐไปตามหมู่บ้านต่างๆ
เมื่อฟาริสีได้ยินกิตติศัพท์ของพระเยซูก็ออกจากเมืองมา
เพื่อจะดูว่าพระองค์กับเหล่าสาวกทำอะไรกัน
และสังเกตุเห็นว่าสาวกของพระเยซูหยิบอาหารเข้าปากโดยไม่ได้ล้างมือก่อน
ซึ่งฟาริสีถือว่าเป็นการผิดบทบัญญัติของบรรพบุรุษยิวที่ได้กำหนดไว้
เป็นการทำให้เกิดมลทิน จึงมาหาพระเยซูและก็ตำหนิสาวกของพระองค์ให้พระองค์ฟัง
ความจริงแล้วพวกฟาริสีต้องการที่จะตำหนิพระเยซูว่า
ทำไมพระองค์ไม่สอนสาวกของพระองค์ให้ทำตามบทบัญญัติที่บรรพบุรุษตั้งเอาไว้
แต่พระเยซูได้ชี้ให้ฟาริสีพวกนั้นเข้าใจถึงความจริงว่า “สิ่งที่เข้าไปในปากนั้นไม่ได้ทำให้เกิดเป็นมลทิน
แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในต่างหากที่ทำให้เกิดเป็นมลทิน” พระเยซูกำลังชี้ให้พวกฟาริสีว่า
พระองค์สนใจท่าทีภายในมากกว่าสิ่งภายนอก
ฟาริสีให้ความสนใจผิดที่ผิดจุดทำให้พวกเขาดำเนินชีวิตแบบผิดๆ จิตใจและท่าทีภายในเป็นเรื่องสำคัญ
พระเจ้าต้องการให้เราเปลี่ยนแปลงที่จิตใจภายใน พระเจ้าเห็นความสำคัญของใจ
แต่ว่าใจของฟาริสีนั้นผิด ให้เรามาดูความสำคัญของใจ และใจของฟาริสีที่บอกว่าผิดนั้นเป็นอย่างไร
1. ความสำคัญของใจ
1.1 ชีวิตเริ่มต้นที่ใจ
(ข้อ18ก)
ใจเป็นที่มาของการกระทำ
ที่ออกมาสู่ภายนอก เป็นที่เริ่มต้นและส่งผลต่อสิ่งอื่นๆ
เหมือนกิเลสล่อให้เกิดตัณหา ตันหาก็ทำให้เกิดบาป บาปก็นำไปสู่ความตาย (ยก.1:14-15) เมื่อใจเกลียดชังก็แสดงออกมาที่สีหน้า
ส่งผลให้เท้าก้าวเดินหรือไม่ก็ปากกล่าวคำไม่สุภาพออกมา หรือเมื่อใจเกลียดชัง
ก็ทำให้คิดร้ายหรือคิดไม่ดีต่อคนอื่น
ดังนั้นเราต้องระวังรักษาใจของเราเอาไว้ให้ดีเพราะว่าชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ (สภษ.4:23) ใจของเราเป็นเหมือนส่วนที่ควบคุมชีวิตของเราทั้งหมด
1.2 ใจสกปรกชีวิตสกปรก
(ข้อ18ข-20)
เมื่อใจสกปรกแล้วชีวิตก็สกปรกตามไปด้วย
เพราะว่าใจเป็นเหมือนต้นน้ำเมื่อต้นน้ำสกปรก น้ำที่ไหลไปตามที่ต่างๆ
ก็สกปรกตามไปด้วย และเมื่อน้ำสกปรกไหลไปถูกสิ่งใดสิ่งนั้นก็สกปรกด้วยเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้เป็นกฎของธรรมชาติ แต่สำหรับพระเจ้า พระองค์ทรงดูที่ท่าทีภายใน
แม้ว่าการกระทำยังไม่เกิดขึ้นมาภายนอก แต่ภายในเกิดแล้ว
พระเจ้าก็ถึอว่าได้กระทำผิดแล้ว พระองค์กล่าวว่า “ฝ่ายเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ผู้ใดมองผู้หญิงเพื่อให้เกิดใจกำหนัดในหญิงนั้น
ผู้นั้นก็ได้ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว” (มธ.5:27-28) อย่าปล่อยให้ความคิดไปกับสิ่งที่ไม่ดี
เพราะจะทำให้ชีวิตของเราไม่ดีไปด้วย ให้เราชำระใจของเราอยู่เสมอ
เพื่อชีวิตของเราจะได้ถูกชำระด้วย เมื่อใจสะอาดกายก็สะอาดไปด้วย ให้เราล้างเอาความคิดที่ไม่ถูกต้องออกไป
ความคิดแง่ลบ ความคิดอิจฉา ความคิดโกรธเกลียด
สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายจงรับการล้างชำระด้วยพระวิญญาณให้หมดสิ้น
2. ลักษณะใจของฟาริสีที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างไร
2.1 ใจจับผิด (ข้อ1-3)
ฟาริสีคอยจ้องจับผิดพระเยซูกับสาวกตลอดมา
ตั้งแต่สาวกของพระองค์เด็ดรวงข้าวในนา
คอยจับผิดว่าพระเยซูจะรักษาคนง่อยในวันสะบาโตหรือไม่
เดินเกินกว่าที่ธรรมบัญญัติห้ามเอาไว้สำหรับวันสะบาโตหรือไม่
สิ่งต่างๆเหล่านี้บ่งบอกว่าใจของฟาริสีไม่ถูกต้อง สมควรที่จะได้รับการชำระล้างให้สะอาด
ต้องให้พระวจนะและพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาชำระให้สะอาด
เป็นไปได้ว่าพวกฟาริสีเอาแต่สอนบทบัญญัติแต่ตัวเองไม่ได้ประพฤติตามสิ่งที่ตนเองสอนชีวิตเลยไม่เป็นอย่างที่สอน
2.2 ใจบิดเบือน (ข้อ4-6)
นอกจากใจจับผิดแล้วฟาริสียังมีใจบิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าอีกด้วย
โดยได้ตั้งบัญญัตขึ้นมา บัญญัตินี้เรียกว่า “เรื่องโกระบาน” สอนว่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับบิดามารดาแต่สิ่งนั้นต้องถวายแด่พระเจ้าแล้วไม่สามารถเอาไปได้
ซึ่งทำให้ดูว่าพวกตนมีจิตใจที่สูงส่ง แท้จริงแล้วไม่ต้องการที่จะดูแลพ่อแม่ตามที่พระบัญญัติของพระเจ้าได้สอนไว้ว่า
“จงให้เกียรติแก่บิดามารดา” จิตใจของพวกเขาบิดเบือนพระวจนะของพระเจ้า
เพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์โดยไม่สนใจว่าพระเจ้าสอนอย่างไร
เราต้องระมัดระวังและทำตามพระวจนะ อย่าบิดพระวจนะเพื่อให้เข้ากับความต้องการของเรา
อย่าใช้พระวจนะเพื่อตอบสนองความต้องการของเรา อะไรจริงก็ว่าจริง อะไรผิดต้องต้องว่าผิด
อย่าทำดำให้เป็นขาว
2.3 ใจเสแสร้ง (ข้อ7-9)
พระเยซูเรียกพวกฟาริสีว่า
“คนหน้าซื่อใจคด” ซึ่งหมายถึงข้างนอกอีกอย่างข้างในอีกอย่าง เช่น
ข้างในไม่ชอบหรือเกลียด แต่แสดงออกมาหรือพูดออกมาอีกอย่างหนึ่ง อย่างนี้เรียกว่าเสแสร้ง
พวกฟาริสีนมัสการพระเจ้าด้วยปากแต่ใจของเขาไม่ได้นมัสการและห่างไกลจากพระองค์ (อสย.29:13) พระเยซูบอกว่าการนมัสการของพวกเขาหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
(มธ.15:9) ใจของเราต้องนมัสการพระเจ้า
เมื่อใจของเรานมัสการพระเจ้า ชีวิตของเราก็นมัสการพระองค์
อย่าให้ใจของเราล่องลอยไป ให้จดจ่ออยู่ที่พระเจ้าตลอดเวลา
พระเยซูได้ต่อว่าพวกฟาริสีว่าเป็นคนโฉดเขลา ต้องการมาจับผิดพระองค์ (ยก.2:19-20) อย่าเสแสร้งกับพระเจ้า พระองค์ทรงรู้ในจิตใจของเรา
2.4 ใจมืดบอด (ข้อ12-14)
พวกฟาริสีปิดใจ
ไม่ยอมรับคำสอนหรือคำตักเตือนของพระเยซู
และยิ่งหนักกว่านั้นอีกยังไม่พอใจที่พระเยซูสอนความจริงกับพวกเค้า
พระองค์จึงเปรียบพวกฟาริสีว่า “เป็นคนนำทางตาบอด” เพราะเป็นคนที่จะต้องสอนคนอื่น
แต่ตัวเองกับไม่เห็นความผิดหรือข้อบกพร่องของตนเอง แม้มีคนมาสอนมาบอกก็ยังไม่เปิดใจรับเพราะความหยิ่งของพวกเขา
ที่คิดว่าพวกตนเป็นฟาริสี
เป็นคนที่เคร่งในกฎบัญญัติที่บรรพบุรุษได้ตั้งหรือกำหนดเอาไว้
อย่าให้เราเป็นเหมือนฟาริสี
คืออย่าให้เราปิดใจ อย่าให้เราละเลยคำเตือนสติ อย่าให้เรามีใจโกรธเกลียดชิงชัง
เพราะว่าชีวิตเริ่มต้นที่ใจ ถ้าใจถูกทุกสิ่งก็ถูก
ให้เราระแวดระวังใจของเราเอาไว้ให้ดี ใจเป็นตัวล่อลวงที่เหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด (ยรม.17:9-10) จงขอใจใหม่จากพระเจ้า
พระองค์จะทรงประทานใจเนื้อให้กับเรา (อสค.36:26-27) เป็นใจที่อ่อนสุภาพ
ใจอ่อนโยน
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น