สรุปคำเทศนาอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2555
ฉธบ11:18 “เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงจดจำถ้อยคำเหล่านี้ของข้าพเจ้าไว้ในจิตใจของท่านทั้งหลาย
จงเอาถ้อยคำเหล่านี้พันไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ
และจารึกไว้ที่หว่างคิ้วของท่าน”
พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติตอนนี้
โมเสสได้นำชนชาติอิสราเอลมาจนถึงชายแดนของคานาอัน พร้อมที่จะสู่ แผ่นดินแห่งพันธสัญญา
หลังจากที่ต้องเดินวนเวียนในถิ่นทุรกันดารนานถึง 40 ปี เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการทบทวน พระบัญญัติของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะเข้าสู่แผ่นดินที่มีน้ำผึ้งและน้ำนม
ยกเว้นโมเสสที่จะไม่ได้เข้าแผ่นดินคานาอันพร้อมกับพวกเขา ดังนั้น ในตอนนี้เปรียบเสมือนคำสั่งเสียและคำกำชับของโมเสสที่ได้กล่าวต่อ ชนชาติอิสราเอล
ให้พวกเขารักษาและถือบัญญัติที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่พวกเขา ด้วยถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากใจ
เป็นคำพูดและคำเทศนาที่แฝงด้วยความรักความห่วงใย คำถามก็คือว่า เราเองจะมีชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระวจนะได้อย่างไร
จากพระวจนะตอนนี้ทำให้เรารู้ถึงหลักการที่โมเสสได้ให้แก่ชนอิสราเอล
ที่พวกเขาจะดำเนินชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระวจนะอย่างน้อย 3 ประการ คือ
1. จะต้องฝังความคิดของเราที่พระวจนะของพระเจ้า
หว่างคิ้วเป็นภาพของความคิด
และสมอง ในบริบทการแต่งกายของคนยิวนั้น จะมีเสื้อที่ใส่ชั้นในสุด (ทูนิค) เป็นผ้าฝ้ายหรือลินิน
และจะมีเสื้อคลุมคล้ายเสื้อโค๊ทที่คนตะวันตกนิยมใส่ และพวกเขาจะใส่หมวกด้วย
ซึ่งพวกเขาก็จะนำข้อพระธรรมของพระเจ้าจดและม้วนเหน็บไว้ตามหมวกและข้อมือ คนยิวจะ คาดกลักไว้ที่หน้าผาก
และในกลักนั้นจะบรรจุข้อความพระคัมภีร์ไว้เสมอ ซึ่งพวกเขาตีความตามตัวอักษร
แต่แท้จริงแล้วพระเจ้าประสงค์ให้พวกเขาใคร่ครวญและระลึกถึงพระคำของพระองค์อย่างสม่ำเสมอมากกว่า
พระเจ้าได้เน้นในเรื่องนี้เป็นอย่างมากแก่โยชูวา
ยชว 1:8 “อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างเหินไปจากใจของเจ้า
แต่เจ้าจงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน...” เพื่อเขาจะไม่พลาดจากน้ำพระทัยของพระเจ้า
เราต้องสำรวจว่าเราให้ความสำคัญในการสะสมใคร่ครวญและศึกษาพระคำพระเจ้า
มากน้อยแค่ไหน อย่างไร พระเจ้าปรารถนาให้เราหยั่งรากลึกบนพื้นฐานแห่งความจริง
เมื่อเราก้าวมาสู่ชีวิต คริสเตียนที่อยู่บนพื้นฐานแห่งพระคุณ
เราก็จะเห็นพลังที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิต มีคริสเตียนจำนวนมากที่รู้สึกเศร้า หดหู่ และรู้สึกเหนื่อย หมดแรง พระเจ้าไม่ต้องการให้เรามีชีวิตแบบนั้น พระเจ้าต้องการให้เรามีแต่ความชื่นชมยินดี มีพระพรอย่างเต็มเปี่ยม ไปด้วยชัยชนะ
เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
มีสันติสุข
มีการทรงสถิตของพระเจ้า
พระคัมภีร์ได้บอกถึงฤทธิ์อำนาจ ของพระคำพระเจ้า ดังนี้ว่า
ฮบ 4:12
เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ
แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก
และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจได้ด้วย อฟ 6:17 “...และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ
พระวจนะของพระเจ้า”
พระวจนะของพระเจ้า
ที่มีฤทธิ์อำนาจเข้าไปสู่จิตใจ และจิตวิญญาณเราได้ ถ้าเราเปิดใจออก เมื่อเราน้อมรับพระคำ จะเกิดการสัมผัสในจิตใจ พระคำมีฤทธิ์อำนาจ ทำลายอำนาจมืด
นำการเยียวยารักษา สร้างความหวังใจ และนำคนให้รู้จักพระเจ้า ปลดปล่อยเราให้เป็นไท มีเสรีภาพ
นำมาซึ่งสันติสุข
ความชื่นชมยินดี ฯลฯ (ยก1:5)
ถ้าเราขาดความเข้าใจให้เราทูลขอสติปัญญาจากพระเจ้า และในทางกลับกันพระคัมภีร์เองก็ได้ให้ผลของการละเลยการศึกษา
ใคร่ครวญพระวจนะไว้ (ฮชย 4:6) “ประชากรของเราถูกทำลายเพราะขาดความรู้
เพราะเจ้าปฏิเสธไม่รับความรู้...”
จงเป็นลูกของพระเจ้า ผู้รับใช้พระเจ้า
ที่มีพระวจนะฝังอยู่ในความคิดเสมอ
อย่าละเลยการศึกษาใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าในชีวิตของท่าน
คริสตจักรจึงเห็นความสำคัญของการสอนพระวจนะในชั้นพระวจนะเพื่อชีวิต
เพื่อสมาชิกจะเข้าใจและดำเนินชีวิตตามหลักการแห่งพระวจะ เป็นการวางรากฐานชีวิตอย่างเป็นระบบและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้
2.ให้หัวใจของเราประกอบด้วยพระวจนะ
โมเสสผู้กล่าวพระธรรมตอนนี้รู้ดีกว่า
ชนชาติอิสราเอลเป็นชนชาติที่มักจะกบฎและหันเหไปจากพระเจ้า โมเสสจึงเน้นย้ำให้จิตใจของเขาทั้งหลายประกอบด้วยพระคำพระเจ้า
เพื่อที่จะยับยั้งจิตใจของเขาไม่ให้หลงไปจากทางของพระองค์ (ยรม 31:33) “...เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย..
และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาทั้งหลาย..” “จิตใจ”
เป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของความคิดมนุษย์และละเอียดอ่อนที่จะถูกชักจูงไปได้
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ดังนี้ (ยรม 17:9, 2 คร.11:3)
เราเพียงแต่เรียนรู้และรับข้อมูลที่หัวสมองหรือความคิดของเราโดยไม่นำลงไปที่ใจของเราด้วยนั้น ไม่เพียงพอ
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะเป็นคนที่ไร้ความเมตตา และไร้ความรู้สึก เช่น ฟาริสี
ที่พวกเขานั้นเป็นคนที่เชี่ยวชาญในบทบัญญัติอย่างมาก และเคร่งตามตัวบทกฎหมาย
แต่พระเยซูทรงประนามพวกเขาอย่างรุนแรง ว่าพวกเขาขาดความเข้าใจและความเมตตาที่จะรักผู้ที่อ่อนแอกว่า 1 คร 8:1 “ความรู้ทำให้ลำพอง แต่ความรักเสริมสร้างขึ้น” ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจ
พระเจ้าทรงใส่พระทัยจิตใจของมนุษย์ มากกว่าเครื่องบูชาทั้งหลาย เคล็ดลับอย่างหนึ่งที่สำคัญของการให้พระวจนะของพระเจ้าถูกจารึกไว้ในหัวใจของเรานั้น
คือ
เราต้องมีความสัมพันธ์กับพระองค์อย่างแนบแน่นเสียก่อนโดยใช้เวลากับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ
(สภษ 9:10) เหล่านี้ไม่ใช่โดยกำลังของเราเองที่พยายามกระทำเพื่อที่จะให้จิตใจของเราเต็มไปด้วยพระวจนะ
แต่โดยการพึ่งพระคุณของพระเยซูคริสต์ ที่ให้พระวิญญาณของพระเจ้าประทานและเติมเต็มหัวใจให้เต็มเปี่ยมด้วยพระคำของพระองค์แก่เรา
เราไม่ได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยตัวของเราเอง
คำว่า “บรรจุ” แสดงให้เห็นว่า พระองค์เป็นผู้กระทำแก่เรา
สิ่งเดียวที่เราทำก็คือ ยอมจำนนต่อพระเจ้าอย่างหมดหัวใจ
อย่าให้ใจเราแข็งกระด้าง แต่ขอพระเจ้าเปลี่ยนใจหินของเราเป็นใจเนื้อที่พระเจ้าจะทำการภายในเราได้
3. ต้องประพฤติตนให้สอดคล้องกับพระวจนะ
ยก1:22
“แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น
ซึ่งเป็นการลวงตนเอง” คริสเตียน หรือผู้เชื่อ
ได้รับพระวจนะของพระเจ้าทุก ๆ วัน และ ทุก ๆ วันอาทิตย์
ขอให้เราตอบสนองในสิ่งที่เราได้เรียนรู้ “พันไว้ที่มือ” เป็นคำที่กำลังให้เราเข้าใจถึง
การกระทำที่เป็นการสอดคล้องกับพระวจนะของ
พระเจ้าที่ได้สะสมไว้ในความคิด และจิตใจและได้สำแดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคำของพระเจ้า
(มธ12:33) พระเยซู
ตรัสอย่างชัดเจนว่า “สิ่งที่ออกจากปาก
ก็มาจากใจ”
การแสดงออกของเรา มักจะมาจากสิ่งที่อยู่ภายในเสมอ
และเราจะตอบสนองต่อพระคำของพระเจ้าไม่ได้เลย ถ้าปราศจากพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำ อสค 36:27
“เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า
โน้มนำเจ้าให้ปฏิบัติตามกฏหมายของเรา และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา” พระเจ้าทรงสนใจว่า จิตใจของเราเต็มล้นด้วยพระคำและล้นออกมาเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับพระวจนะนั้นอย่างไร
จงสำแดงพระวจนะของพระเจ้าด้วยชีวิตของเรา
และคนรอบข้างจะเห็นพระเยซูจากการประพฤติของเรา และพระเจ้าจะได้รับเกียรติผ่านชีวิตของเรา
ขอพระเจ้าช่วยเราที่ความประพฤติของเราจะสำแดงออกถึงความเชื่อในพระเจ้าของเรา พระเจ้าประสงค์ให้เรามีชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวและสำแดงพระวจนะของพระเจ้าให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้อื่น
ดังนั้น ขอให้เรายึดพระวจนะของพระเจ้าอย่างหนักแน่นมั่นคง โดยฝังไว้ในความคิด จารึกไว้ที่จิตใจ
และสำแดงออกเป็นการกระทำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น