สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2011
พระธรรม ลูกา 15:11-24
จากเรื่องราวของบุตรน้อยหลงหายที่เรารู้จักกันดีนั้น อีกด้านหนึ่งเราได้เห็นบุคคลหนึ่งที่เราเห็นคือพ่อ ซึ่งมีความพิเศษไม่เหมือนใครในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายคนโต หรือว่าเพื่อนฝูงของบุตรน้อยหลงหาย หรือชาวเมืองที่เขาไปอาศัยอยู่ รวมทั้งคนงานของพ่อ ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครนี่เอง ทำให้เราสามารถเรียกท่านได้ว่า “พ่อผู้เป็นที่รัก” ท่านเป็นคนพิเศษอย่างไร เราสามารถเห็นได้จากพระธรรมตอนนี้ อย่างน้อย 4 ประการ คือ
1. ให้ความรัก (ลก.15:20)
หลังจากที่บุตรน้อยได้รับมรดกในส่วนที่เป็นของตนแล้วก็ได้ออกจากบ้านไป นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมเชื่อว่าพ่อคนนี้ไม่เคยนอนหลับเต็มอิ่ม ไม่เคยมีความสุข จิตใจภายในคิดคำนึงหาแต่ลูกของตน มีแต่ความสงสัยในจิตใจว่า เขาจะอยู่อย่างไร กินอย่างไร ตอนนี้ทำอะไรอยู่ ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับมาหา เราสามารถเห็นได้จากพระคัมภีร์ตอนนี้ที่บอกว่า “แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาแลเห็นเขา” ซึ่งบ่งบอกให้เรารู้ว่า พ่อคนนี้คอยมองหาอยู่เสมอเมื่อเห็นแล้วก็รีบวิ่งออกไปกอดคอแล้วก็จุบเขาด้วยความรัก พระคัมภีร์ยังบอกในข้อ 24 อีกว่า “เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก” เขาเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เสียไปแล้วได้คืน พ่อผู้ให้ความรักกับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร พระคัมภีร็ได้บอกว่า บุตรคนนี้ได้พลาญสมบัติที่พ่อมอบให้จนหมด แล้วจึงกลับมาหาพ่อ แท้จริงแล้วเรามีอีกคนหนึ่งที่รักเรามากกว่าพ่อของเราอีก นั่นคือพระบิดา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์พระองค์ทรงรักเราอย่างมากเพราะว่าขณะที่เรายังเป็นคนบาปพระองค์ได้ทรงตายเพื่อเรา (รม.5:8) พระองค์รักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งต่างจากความรักของพ่อเราในโลกนี้
2. ให้ความเมตตา (ลก.15:20)
นอกจากให้ความรักแล้วยังให้ความเมตตากับเราอีก พระคัมภีร์บอกว่า “บิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา” เมื่อพ่อเห็นสภาพของลูกแล้วเกิดความเมตตาสงสาร คงเห็นสภาพเนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าคงจะขาดวิ้น กลิ่นขี้หมูคงจะเหม็นหึ่ง ทำให้หัวใจของพ่อยิ่งเกิดความรักความเมตตาสงสารมากขึ้นไปอีก นี้คือหัวใจของพ่อผู้เป็นที่รัก พระเจ้าพระบิดาพระองค์ทรงเมตตาเราทั้งหลายอย่างมาก พระองค์ทรงเหยียบความผิด และเหวียงบาปของเราไปลงทะเลลึก (มีคาห์ 7:18-19) เมื่อพระเยซูเห็นประชาชนก็ทรงสงสารเขา ด้วยเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่ง (มธ.9:36) พระเจ้าทรงมองดูเราอยู่เสมอด้วยความเมตตาของพระองค์ และพร้อมที่จะช่วยเหลือเรา หนุนใจเรา ปลอบประโลมใจเราในยามที่เราทุกข์ยาก พระเมตตาคุณของพระองค์ไม่เคยหมดไปจากชีวิตของเรา นี้คือพ่อผู้เป็นที่รัก
3. ให้อภัย (ลก.15:21-22)
ไม่เพียงแต่ให้ความรัก ความเมตตา พ่อยังให้อภัยในสิ่งที่ลูกได้ทำเอาไว้ ไม่ว่าลูกจะเป็นเช่นไร พ่อก็ให้อภัยได้เสมอเมื่อลูกกลับใจ ไม่ว่าลูกจะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน หรือมากเพียงไรพ่อก็พร้อมที่จะให้อภัยกับลูกได้ขอเพียงลูกสำนึกได้ก็พอ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะใจดำเกินกว่าที่จะให้อภับกับลูกได้เมื่อลูกสำนึกในความผิดที่ได้กระทำลงไป พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการให้อภัย เมื่อเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ผู้ทรงสัตย์ซื่อก็จะทรงยกความผิดบาปให้กับเราเสมอ (1ยน.1:9) พระเจ้าไม่เคยจดจำความผิดของเราเมื่อพระองค์ยกโทษให้แล้ว การยกโทษของพระองค์ไม่มีจำกัด ทุกครั้งที่เรากลับใจมาหาพระองค์ พระองค์ก็จะทรงยกโทษให้กับเราเจ็ดครั้งคูณด้วยเจ็ดสิบ (มธ.18:21-22) เมื่อพระเจ้ายกโทษให้กับเรา เราก็ควรที่จะยกโทษให้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน เราไม่ควรที่จะจดจำความผิดของคนอื่นด้วย
4. ให้สิ่งที่ดีที่สุด (ลก.15:21-22)
ไม่เพียงแต่ให้อภัย พ่อผู้เป็นที่รักยังให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก เมื่อลูกกลับมาหา พ่อก็ได้สั่งให้คนรับใช้ไปเอาเสื้อผ้าที่ดีที่สุดมาสวมใส่ให้กับลูก เอาแหวนมาสวมนิ้วมือให้กับเขา เอาลูกวัวอ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าพ่อเป็นผู้ที่รักนั้น ให้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับเรา แม้ว่าลูกจะไม่อยากได้ก็ตาม พ่อไม่ได้ดูว่าลูกทำผิดหรือไม่ พ่อมีสิ่งที่ดีให้กับลูกเสมอ เหมือนคำอุปมาของพระเยซูที่บอกว่า “พ่อผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีกับบุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรณ์จะประทานของดีกับผู้ที่ขอต่พระองค์ (มธ.7:9-11) พระเจ้าได้จัดเตรียมสิ่งที่ดีไว้ให้กับเรา เพียงแต่เรากลับมาหาพระองค์และขอจากพระองค์เท่านั้น พระองค์เตรียมสิ่งประเสริฐกว่านั้นให้กับเราอีกนั่นคือชีวิตนิรันดร์ (ฮบ.11:40)
พ่อผู้เป็นที่รัก ที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร พ่อยังคงเป็นพ่อของเราเสมอและยังเป็นพ่อที่รักเรา เมตตาเรา ให้อภับเรา ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไรพ่อก็ยังคงเป็นพ่อคนเดิม เป็นพ่อที่ได้จัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเรา แม้ว่าอาจจะไม่ดีเท่าคนอื่น แต่พระบิดาของเรามีสิ่งดีมากมายที่รอเราทั้งหลายอยู่ จงกลับมาหาพระบิดาของเรา เข้ามาหาพระองค์และรับพระพรจากพระองค์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น