สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2011
พระธรรม มัทธิว 8:18-22
หลังจากที่พระเยซูได้ลงจากภูเขา และเสด็จไปตามที่ต่างๆ ได้ทำการอัศจรรย์รักษาคนโรคเรื้อน รักษาคนง่อยซึ่งเป็นบ่าวของนายร้อย อาการป่วยของแม่ยายเปโตร และคนอื่นๆอีกมากมาย ชื่อเสียของพระองค์ก็เป็นที่เลื่องลือออกไป คนมากมายได้มาหาพระองค์ เราสามารถแบ่งกลุ่มคนที่มาหาพระองค์ได้ 3 กลุ่ม คือ ประชาชน ที่มารับการช่วยเหลือและมาดูการอัศจรรย์ ธรรมาจารย์ ซึ่งมาคอยจับผิดว่าพระองค์ทำอะไรผิดจากสิ่งที่พวกเขาทำบ้าง และศิษย์ของพระเยซูเอง ซึ่งศิษย์เหล่านี้ก็คือสาวกของพระองค์ ที่ได้ติดตามพระองค์มาเป็นเวลาพอสมควร เราเห็นคำสำคัญคำหนึ่งในพระธรรมตอนนี้ คือคำว่า “ตาม” ซึ่งปรากฎอยู่ในข้อ 19 และข้อ 22 ซึ่งเป็นคำกล่าวของธรรมาจารย์และของพระเยซู ซึ่งทำให้เรารู้ว่า การที่จะติดตามพระองค์ไปนั้นจะต้องตัดสินใจ และการตัดสินใจในที่นี้นั้น อาจจะไม่เหมือนการตัดสินใจในเรื่องอื่นๆ ดังนี้
1. พร้อมเผชิญกับทุกสิ่ง (มธ.8:19-20)
มีธรรมาจารย์คนหนึ่งมาดูพระเยซูทำการอัศจรรย์ต่างๆ เหมือนกับธรรมาจารย์คนอื่นๆ แต่ธรรมาจารย์คนนี้แตกต่างจากธรรมาจารย์คนอื่นๆ ตรงที่ เขาเข้ามาหาพระเยซูแล้วบอกกับพระองค์ว่า “ท่านไปทางไหน ข้าพเจ้าจะตามท่านไปทางนั้น” สิ่งที่ธรรมาจารย์คนนี้พูดออกไปนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้เห็นการอัศจรรย์ที่พระองค์ทำและตื่นเต้นไปกับสิ่งที่ได้เห็น อาจจะไม่ได้มาจากความศรัทธาอย่างกันนายร้อย เมื่อพระเยซูได้ยินดังนั้น จึงกล่าวว่า “หมาจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ” การพูดของพระเยซูตอนนี้นั้น เป็นการกระตุกความคิดของธรรมาจารย์ หรือเป็นการถามว่าท่านคิดดีแล้วหรือ หนทางข้างหน้าไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่คิด จะต้องเอาชนะตัวเองก่อน (มก.8:34) พระเยซูไม่ได้สัญญาว่าจะมีแต่ความสุขสบาย แต่จะต้องประสบกับความทุกข์ยากในโลกนี้ (ยน.16:331) แต่พี่น้องที่รักเราไม่ต้องวิตกกังวล เพราะว่าเมื่อพระองค์ให้เราเผชิญกับปัญหาใดๆ พระองค์ก็มีทางออกให้กับเราเสมอ พระองค์เป็นพระเจ้าที่ชนะโลกนี้แล้ว ให้เราพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง
2. ไม่ลังเล (มธ.8:21-22)
มาถึงพระคัมภีร์ข้อนนี้ พระเยซูได้ตรัสตอบสาวกคนนี้ว่า “จงตามเรามาเถิด ปล่อยให้คนตายฝังคนตายของเขาเองเถิด” การที่พระเยซูตรัสเช่นนี้ไม่ใช่เพราะพระเยซูไม่เห็นคุณค่าของบิดามารดา ตรงข้ามพระเจ้าสอนให้เราให้เกียรติแก่บิดามารดาด้วยซ้ำ (อพย.20:12) แต่พวกธรรมาจารย์มักจะสอนว่า “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่นท่าน สิ่งนั้นเป็นโกระบาน” ซึ่งแปลว่าเป็นของถวายแด่พระเจ้าแล้ว นั่นหมายความว่า พ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิ์ (มก.7:11) เมื่อเราตัดสินใจเดินติดตามพระเจ้าแล้วเราไม่ควรโลเลหรือลังเล เมื่อเราตัดสินใจแล้วเราควรมุ่งไปข้างหน้า เหมือนชาวนาเมื่อจับคันไถแล้วจะไม่หันหลังกลับ (ลก.9:62)
เมื่อตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจงมั่นใจในพระเจ้าที่ได้ทรงเรียกเรามา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจงไว้วางใจในพระเจ้าผู้ทรงใหญ่ยิ่งสูงสุด พระองค์ทรงชนะโลกนี้แล้ว พระองค์จะทรงนำเราทุกย่างเท้าที่เราก้าวเดิน พร้อมที่เผชิญกับทุกสิ่ง และไม่ลังเล เพราะว่าพระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางเราและจะช่วยเราเสมอ
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น