สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2011
พระธรรม เนหะมีย์ 13:10-14
เนหะมีย์ได้กลับมาเยี่ยมชุมชนอิสราเอลหลังจากที่กลับไปรับใช้กษัตริย์อารทาเซอร์ซิส 12 ปี ได้เห็นความถดถอยของชุมชนอิสราเอลอย่างไม่น่าเชื่อ ถึง 3 เรื่อง เราได้เห็นมาแล้ว 2 เรื่องคือ เรื่องพระวจนะ และเรื่องผู้นำ ครั้งนี้เนหะมีย์ชี้ให้เราเห็นความถอถอยของอิสราเอลอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องคริสตจักร พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงพระนิเวศซึ่งเปรียบได้กับคริสตจักรในปัจจุบัน เพราะเป็นที่สถิตของพระเจ้าและเป็นที่เปิดเผยแผนงานและน้ำพระทัยของพระองค์ (อฟ.3:9-10) การที่ชุมชนอิสราเอลทอดทิ้งพระนิเวศของพระเจ้าแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ให้ความสำคัญ คริสตจักรคือน้ำพระทัยของพระเจ้า เป็นคำตอบของโลก สังคมจะดีขึ้นเมื่อคริสตจักรเข้มแข็งและเติบโต พระเจ้าจะยกชูคริสตจักรของพระองค์ เราต้องช่วยกันรื้อฟื้นคริสตจักรของพระองค์เพื่อเป็นพรให้กับชุมชน เราเห็นสาเหตุของความถดถอยและวิธีการแก้ไขของเนหะมีย์ เรามาดูสาเหตุว่ามีอะไรบ้าง
1.1 การไม่มีส่วนร่วมของสมาชิก (นหม.13:10)
พระคัมภีร์บอกว่าประชาชนต่างละเลยการถวาย เขาไม่ได้มอบส่วนของคนเลวี จึงเป็นเหตุให้คนเลวีละทิ้งหน้าที่หนีไปทำไร่ทำนา ไม่ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าเหมือนดังเคย การละเลยไม่ถวายของคนอิสราเอลพระเจ้าบอกว่าเป็นเหมือนการปล้นพระเจ้า ซึ่งจะเกิดผลเสียอย่างร้ายแรงทั้งต่อตนเองและอาณาจักรของพระเจ้า (มลค.3:8-9) การถวายทศางค์หรือสิบลดในตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเรื่องของการถวายทรัพย์หรือสิ่งของเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องของท่าทีภายในใจของเราด้วย ซึ่งท่าทีในใจของเรานั้นสำคัญมาก ถ้าเรามีท่าทีที่ถูกต้องเราจะมีความรู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของและเราจะมีส่วนร่วมด้วย การถวายทรัพย์ของเราต้องถวายออกมาจากท่าทีภายในใจของเราที่ยินดีที่อยากจะมีส่วนร่วม คริสตจักรต้องใช้เงินถวายอย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์และเกิดผลสูงสุด คริสตจักรไม่ควรที่จะตั้งหน้าตั้งตาขอจากสมาชิก แต่สมาชิกควรมีส่วนร่วมกับคริสตจักรอย่างเต็มที่
1.2 การไม่ยืนหยัดของผู้นำ (นหม.13:10)
เลวีและนักร้องผู้ปฏิบัติงานต่างก็หนีกลังไปยังไร่นาของตน เพราะประชาชนไม่มีส่วนร่วม ซึ่งดูผิวเผินแล้วน่าเห็นใจแต่ความเป็นจริงแล้วถ้าเราตระหนักว่าพระเจ้าทรงเรียกเรามาให้รับใช้พระเจ้าพระเจ้าจะดูลเราอย่างไม่ขัดสน ถ้าหากเรามีความเชื่อและทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่ แม้ว่าคนอื่นจะไม่ดูแลเราก็ตาม พระเจ้าใช้กาได้พระเจ้าก็ใช้สิ่งต่างๆให้นำอาหารมาให้เราได้เช่นกัน หากผู้นำทำตัวไม่เหมาะสมสมาชิกก็หมดศรัทธา จะไปโทษสมาชิกก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตามผู้นำจะต้องยืนหยัดอยู่ในหลักการของพระเจ้า ผู้นำจะต้องอดทน ไม่หมดความหวังใจ และเชื่อพึ่งในพระเจ้า ความถดถอยเกิดขึ้นเพราะผู้นำไม่ยืนหยัด เอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง หรือเอาความสัมพันธ์เป็นใหญ่ จึงทำให้เกิดความถดถอยขึ้น
เนหะมีย์แก้ไขปัญหานี้อย่างไร
2.1 เริ่มต้นที่ผู้นำ (นหม.13:11,14)
เนหะมีย์เริ่มต้นที่ตัวผู้นำก่อน โดยการไปรวบรวมและหนุนใจคนเลวีให้กลับมารับใช้เหมือนเดิม เมื่อผู้นำเอาจริงเอาจังและยืนหยัดประชาชนก็จะเข้ามาร่วมด้วย ไม่เพียงแต่เนหะมีย์ไปตามคนเลวีกลับมาแต่เนหะมีย์ได้อธิษฐานต่อพระเจ้าให้ระลึกถึงสิ่งต่างๆที่เนหะมีย์ได้ทำเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเนหะมีย์ให้ความสำคัญกับผู้นำที่จะต้องเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงก่อน ผู้นำจึงเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จของงานพระเจ้าเสมอ ถ้าเรามีผู้นำที่มีคุณภาพทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายกายภาพ เราก็จะเห็นความสำเร็จได้อย่างชัดเจน สิ่งต่างๆจะถูกขับเคลื่อนได้ด้วยผู้นำ
2.2 ทุกคนพร้อมใจกันมีส่วนร่วม (นหม.13:12)
หลังจากที่ผู้นำกลับมาเอาจริงเอาจัง ประชาชนก็เริ่มกลับมาทำตามหลักการของพระเจ้า พระคัมภีร์บอกว่ายูดาห์ทั้งปวงได้นำทศางค์เข้ามายังเรือนพัสดุ นั่นแสดงว่าทุกคนพร้อมใจกันกลับมามีส่วนร่วมกับพระนิเวศอีกครั้งหนึ่ง เราต้องหนุนใจกันที่จะรื้อฟื้นความถูกต้องให้กลับเข้ามาในคริสตจักรและมีส่วนร่วมสนับสนุนงานของพระเจ้าอีกครั้ง พวกเราทุกคนเป็นคนกำหนดว่าเราต้องการให้คริสตจักรของเราเป็นอย่างไร ต้องการให้คริสตจักรน่าอยู่อย่างไร เราเป็นผู้กำหนดและเป็นผู้ที่ทำให้เป็นเช่นนั้น เราต้องมีส่วนร่วมและพร้อมใจกันมีส่วนร่วมกับคริสตจักรเพื่อเราจะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ เราจะไม่เป็นเพียงผู้รับเท่านั้น เรามีผลต่อกันและกันเมื่อเราผูกพันตัวกับพระเจ้าเราจะจำเริญขึ้น (อฟ.4:16) อย่าให้เราเป็นเพียงผู้ที่บอกว่าคริสตจักรไม่ดีอย่างไร แต่เราควรจะเป็นคนที่บอกว่าเราควรจะทำอย่างไรให้คริสตจักรของเราดี
2.3 ทำงานเป็นทีม (นหม.13:13)
เดิมเอลียาชีบเป็นคนเดียวที่ดูแลเรือนพัสดุ แต่เนหะมีย์ได้แก้ไขโดยการตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมาเพื่อทำงานเป็นทีม มีทั้งปุโรหิต ธรรมาจารย์ คนเลวี เจ้าหน้าที่ ซึ่งช่วยกันดูแลกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมอีก การทำงานเป็นทีมทำให้งานมีคุณภาพมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะการทำงานเป็นทีม เป็นการรวมคนที่มีความสามารถหลากหลายมาร่วมกันทำงาน คริสตจักรก็เช่นกัน เราต่างก็มีของประทานที่แตกต่างกันเราควรเอาของประทานเหล่านั้นมาเสริมสร้างกัน ไม่ว่าเราจะทำอะไรในคริสตจักรของเรา เราควรที่จะร่วมกันเสริมสร้าง เราจะเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นจะสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ในคริสตจักรไม่ควรมีความคิดว่า เราขอเป็นกำลังใจให้ เราขอเป็นผู้ชม เราขอเป็นกองหนุนให้ แต่เราควรบอกว่าเราขอมีส่วนในการทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราจะมาช่วยกันทำงานของพระเจ้าให้สำเร็จ ถ้าทุกคนในคริสตจักรร่วมกันทำงานเป็นทีมเราจะเห็นความสำเร็จอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น