สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2013
พระธรรม มัทธิว 16:1-12
หลังจากที่พระเยซูได้ทดสอบความเชื่อของหญิงคานาอันแล้วและพระองค์ได้เห็นความเชื่อของนางที่มีอย่างมากจึงได้รักษาลูกสาวของนางที่ผีเข้าสิงอยู่ให้หาย
แล้วพระองค์กับเหล่าสาวกก็เดินทางทำพันธกิจของพระองค์ต่อไป ขณะนั้นกลุ่มฟาริสีและสะดูสีเข้ามาตั้งคำถามเพื่อทดสอบพระเยซูว่า
ถ้าเป็นพระบุตรพระเจ้า ก็จงแสดงการอิทธิฤทธิ์ หรือหมายสำคัญจากฟ้าให้ดูสิ ฟาริสีและสะดูสี
คือ คือ กลุ่มนักการศาสนาที่เคร่งครัดในกฎระเบียบที่บรรพบุรุษถ่ายทอดเป็นกลุ่มคนที่อุทิศตัวอย่างจริงจังให้กับลัทธิยูดาห์ของยิว
ยึดถือบัญญัติของโมเสสและได้เพิ่มเติมบัญญัติต่างๆ ขึ้นตามกาลเวลา สะดูสี เป็นกลุ่มผู้เคร่งในศาสนากลุ่มนี้เป็นคนที่มีสถานะทางสังคมชั้นสูงของยิว
มีความเชื่อต่างกับฟาริสีในเรื่องการเป็นขึ้นจากความตาย คือ สะดูสีจะไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย
กลุ่มคนเหล่านี้มาเพื่อทดสอบพระเยซู เหตุการณ์นี้เกิดหลังจากพระเยซูทำการอัศจรรย์เลี้ยงคนสี่พัน
ด้วยขนมปัง 7 ก้อน แถมยังเหลือขนมปังอีกถึง
7 ตะกร้า แต่สาวกลืมหยิบขนมปังทั้ง 7 ตะกร้าที่เหลือนั้นมา
เมื่อพระเยซูบอกให้ระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดี
สาวกกลับตีความว่าพระเยซูเตือนว่าอย่าลืมขนมปังที่เหลือมา เขากระวนกระวายใจมาก แต่พระเยซูมิได้หมายถึงเรื่องขนมปัง
แต่พระองค์เตือนเรื่องเชื้อแห่งฟาริสีและสะดูสี เชื้อแห่งฟาริสีและสะดูสีที่พระเยซูเตือนให้ระวังนั้นหมายถึงอะไร
จากพระธรรมตอนนี้ ผมจะชี้ให้เห็น 2 ประการ ที่เราก็ต้องระวัง
1. ระวังท่าทีที่ผิด
(ข้อ 1-11)
เชื้ออันแรกที่พระเยซูเตือนให้เราระวังอย่ารับเอามา
คือ “ท่าทีในใจที่ผิด” ฟาริสีและสะดูสีมีแรงจูงใจที่ต้องการทดสอบพระเยซู เขามิได้แสวงหาความจริง
แต่ต้องการจับผิดว่าพระเยซูไม่มีฤทธิ์อำนาจที่เพียงพอในการทำอัศจรรย์ ฟาริสีและสะดูสีมีท่าทีในใจที่ผิดอย่างไร? หลายตอนในพระคัมภีร์บอกว่าพวกเขา
หยิ่งยะโส ยกตนเหนือผู้อื่น แสวงหาเกียรติและการยกย่องจากมนุษย์ในหน้าที่ทางศาสนาของตน
หน้าซื่อใจคด แสร้งทำในสิ่งที่ตนไม่ได้เป็น ทำความดีแต่เปลือกนอก ยกประเพณีที่สืบทอด
เป็นใหญ่เหนือพระวจนะ สนใจตัวอักษรของข้อศีลธรรม มากกว่าจะสนใจแก่นหัวใจของศีลธรรม
อื่นๆ อีกมา ท่าทีกำหนดทัศนคติมุมมองของเรา ดังนั้นหากท่าทีไม่ดี
ทุกอย่างที่ออกมาก็ไม่ดีด้วย น่าแปลกที่ฟาริสีและสะดูสีเป็นนักการศาสนาที่ใกล้ชิดกับหนังสือธรรมบัญญัติ
แต่เขากลับปฏิเสธพระเยซูผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้าที่พบอยู่ตรงหน้า เพราะท่าทีที่ผิดในใจของเขา
ดังนั้น เราจึงต้องระวังท่าทีของตัวเรา
อย่าคิดว่าเราใกล้ชิดพระเจ้าและไม่มีทางที่จะมีท่าทีที่ผิดได้ เรามีท่าทีแรงจูงใจอย่างไร
ก็ตีความสิ่งที่พบเห็น ไปตามท่าทีในใจเราอย่างนั้น (มธ.16:5-8) พระเยซูพูดให้ระวังเชื้อของฟาริสีและสะดูสี
แต่สาวกกลับกังวลใจที่ตนลืมเอาขนมปังมา จึงตีความสิ่งที่พระเยซูพูดว่าพระเยซูทวงถามถึงขนมปังที่พวกตนลืมไว้
ความจริงจะไม่ได้กำหนดท่าทีของเรา
แต่ท่าทีของเราจะเป็นตัวกำหนดการตีความของความจริงแทน ดังนั้นเมื่อให้คำปรึกษาปัญหา
ไม่เพียงแต่เราจะแก้เนื้อหาของปัญหา แต่ต้องแก้ท่าทีที่ซ่อนอยู่หลังเนื้อหาด้วย ท่าทีแรงจูงใจที่ผิด
เป็นเหมือนเชื้อโรคติดต่อด้วยเช่นกัน ดังนั้นอย่าอยู่ใกล้คนที่มีท่าทีไม่ดี
เพราะท่าทีที่ไม่ดีนั้นเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง จงรักษาท่าทีแรงจูงใจของเราให้ถูกต้องเสมอ
(ยรม.17:9) จิตใจก็เป็นตัวล่อลวง
พระเจ้าสนใจท่าทีในใจของเรา
(ยรม.17:10)
2. ระวังคำสอนที่ผิด
(ข้อ 12)
ไม่เพียงแค่ให้ระวังเชื้อของท่าทีผิด
แต่พระเยซูยังเตือนให้ระวังเชื้อของคำสอนผิดด้วย มีคนมากมายที่อยู่ในคำสอนผิดจากพระคัมภีร์
ทั้งที่เขาจริงใจและบริสุทธิ์ใจ
ดังนั้นแค่จริงใจไม่พอ เราต้องมีวิจารณญาณและยึดคำสอนที่ถูกต้องด้วย พระเยซูเตือนให้ระวังคำสอนผิดของพวกฟาริสี
ที่ปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระเยซู นำบัญญัติของมนุษย์หรือคำสอนที่สืบทอดมาอ้างว่าเป็นพระบัญญัติของพระเจ้า
มุ่งเน้นความชอบธรรมด้วยการประพฤติ จนเหล่าอัครทูตต้องเตือนผู้เชื่อให้ระวังมิจฉาลัทธิ
(2ปต.2:1) แต่ว่าได้มีคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ บ้างก็อ้างพระคุณพระเจ้าจนตกขอบ (ยด.ข้อ4) บ้างก็นำผู้เชื่อให้กลับเข้าสู่บทบัญญัติของมนุษย์
(กท.2:4) เราอยู่ในยุคเต็มไปด้วยคำสอนแปลกๆ ที่แพร่หลายอย่างมากเพราะ คนใช้เหตุผลได้เก่งขึ้น
คนเรามีความปรารถนาในฝ่ายเนื้อหนังของตน คนในสมัยใหม่ชอบสิ่งที่แหวกแนว แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์เพื่อกลุ่มบุคคล
เป็นความจริงคริสเตียนควรมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซู โดยไม่ขึ้นกับมนุษย์คนใด
แต่ก็ใช่ว่าควรจะปฏิเสธวิธีการสร้างชีวิตผ่านชุมชน หรือคำสอนที่ถูกตั้งชื่อว่า “ข่าวประเสริฐแห่งความสบายใจ”
ไม่พูดว่า “พระเยซูเป็นทางเดียวที่ช่วยให้รอด” เพราะคนทั่วไปจะไม่พอใจ โดยยกคำสอนของพระคัมภีร์ (1คร.9:22) อันตรายจากคำสอนผิด คำสอนผิดจะค่อยๆ
แทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณเราอย่างไม่รู้ตัวและยากที่จะตรวจสอบได้ (กท.5:9) เราต้องระวังคำสอนผิดด้วยการ
อ่านและศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำ ยึดคำสอนที่อยู่ในพระคัมภีร์เป็นหลัก (มธ.24:35) อย่าสร้างหลักคำสอนขึ้นจากพระคัมภีร์เพียงข้อเดียวหรือไม่กี่ข้อ
สรุป ให้เราระวังตัวเองจากเชื้อทั้ง
2 นี้
คือ ท่าทีที่ผิด และ คำสอนผิด เชื้อทั้ง 2 นี้ติดต่อได้
และลามเข้าสู่ความคิด จนควบคุมทั้งชีวิต
ขอพระเจ้าอวยพรครับ