สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่
3 มิถุนายน 2012
พระธรรม มัทธิว
12:15-21
พวกฟาริสีพยายามจับผิดพระเยซูและสาวกเรื่องการเด็ดรวงข้าวในวันสะบาโตและเรื่องการรักษาโรคในวันสะบาโต
แต่พระเยซูได้ชี้แจงหลักการเบื้องหลังของวันสะบาโตโดยการยกตัวอย่างเรื่องของดาวิดที่กินขนมปังหน้าพระพักตร์และการทำงานของปุโรหิตในวันสะบาโตมาให้เห็นว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นที่ยอมรับของพวกฟาริสีมิใช่หรือ
ทำไมเมื่อพระองค์ทำอย่างเดียวกันจึงบอกว่าเป็นการผิด
พวกฟาริสีจึงรู้สึกโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงหาทางที่จะฆ่าพระเยซูให้ได้
เมื่อพระเยซูรู้เช่นนั้นก็พระองค์มิได้ตอบโตด้วยความรุนแรงกลับไปแต่ตรงกันข้ามพระองค์กลับเลือกที่จะหลบออกไปและทำการรักษาคนเจ็บคนป่วยให้หายต่อไป
พระองค์เลือกที่จะทำสิ่งที่ถูกมากกว่าการตอบโต้อย่างรุนแรง
พระองค์ไม่ใช้วิธีการกดขี่แต่เลือกการที่จะถ่อมใจ
ซึ่งทำให้เราเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่แฝงอยู่ในความสุภาพ ดังนี้
1. ความยิ่งใหญ่ของพระคริสต์ (มธ.12:18, 21)
1.1 เป็นผู้ที่พระเจ้าเลือกสรร (มธ.12:18)
พระเยซูเป็นพระบุตรที่ได้รับการเลือกสรรไว้ เพื่อไถ่บาปคนเป็นอันมาก
พระเจ้าได้กำหนดพระเยซูเอาไว้สำหรับการนี้โดยเฉพาะ
ซึ่งเป็นคนเดียวที่จะช่วยประชาชาติทั้งหลายได้ เช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรเราไว้ให้มาเป็นลูกของพระองค์
ถือเป็นความยิ่งใหญ่สำหรับเราทุกคน เราเป็นคนพิเศษที่พระเจ้าทรงเลือกเรา
ไม่ใช่ว่าเราดีกว่าคนอื่น หรือมีความสามารถมากกว่าคนอื่น
แต่เราเป็นคนพิเศษที่พระเจ้าเลือกเรา เพื่อการพิเศษของพระเจ้าคือนำคนมาถึงความรอด
1.2 เป็นผู้ที่เต็มไปด้วยการเจิม (มธ.12:18)
พระเจ้าได้เอาพระวิญญาณของพระองค์สวมทับพระเยซูเอาไว้เพื่อให้พระเยซูเต็มด้วยด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
การเจิมหรือการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณทำให้เกิดความแตกต่าง นำมาซึ่งฤทธิ์อำนาจ
ไม่ว่าการเจิมนั้นจะเกิดขึ้นกับผู้ใด
ทำให้ผู้นั้นเกิดความแตกต่างไปจากเดิมและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าก็จะมาอยู่เหนือผู้นั้น
เราเห็นพระเยซูเต็มไปด้วยการเจิมของพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่ที่พระองค์รับบัพติศมาที่แม่น้ำจอร์แดน
พระองค์ก็สามารถเอาชนะมารซาตานมาได้ตลอด พระองค์ขับผี รักษาโรคต่างๆให้หาย
การเจิมต้องนำมาซึ่งพระพรไม่ใช่การทำลาย
เราต้องขอให้พระเจ้าเติมเราให้เต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
เพื่อเราจะได้เป็นพรเพื่อคนทั้งหลาย
1.3 เป็นผู้พิพากษาที่ยุติธรรม (มธ.12:18) พระองค์ประกาศและประทานความยุติธรรมให้กับบรรดาประชาชาติ
พระองค์จะพิพากษาด้วยความเที่ยงธรรม พระองค์จะไม่มีความลำเอียง
เราทุกคนต้องรายงานตัวต่อพระองค์ที่หน้าบัลลังค์
เราไม่สามารถที่จะหลบหนีหรือโกหกได้ ทุกสิ่งต้องปรากฎขึ้นในวันแห่งการพิพากษา
เราต้องเตรียมตัวของเราให้พร้อมสำหรับการรายงานตัวของเรา
1.4 ผู้เป็นความหวังของบรรดาประชาชาติ (มธ.12:21)
ไม่เพียงแต่เป็นผู้พิพากษาที่ยุติธรรมแล้วยังเป็นความหวังของบรรดาประชาชาติทั้งหลายหมดโลกนี้
มนุษย์ไม่สามารถฝากความหวังไว้กับสิ่งใดได้นอกจากฝากไว้กับพระเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เพราะพระองค์ผู้เดียวที่สามารถยกโทษความผิดบาปของเราได้ ให้ความรอดกับเราได้ เราต้องเปิดใจออกยอมรับการช่วยเหลือจากพระเจ้า
เราต้องตอบสนองพระองค์อย่างถูกต้อง ไม่มีพระเยซูไม่มีความหวังใจ ไม่มีความรอด
ต้องตกนรกบึงไฟเท่านั้น
2. ความสุภาพของพระเยซูคริสต์ (มธ.12:15-16,
19-20)
แม้พระเยซูจะเป็นผู้ที่มีความยิ่งใหญ่แต่พระองค์กลับแสดงความถ่อมสุภาพอย่างชัดเจน
พระองค์ไม่ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ พระองค์เลือกทำในสิ่งที่ดี
คือช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน พระเยซูไม่ได้อ่อนแอหรือขลาดกลัว
แต่พระองค์เลือกที่จะสุภาพอ่อนโยน เราเห็นการแสดงออกของพระองค์ดังนี้
2.1 ไม่ต่อสู้กับผู้ที่มุ่งร้าย (มธ.12:15, 19) พวกฟาริสีคิดหาทางฆ่าพระเยซู
แต่เมื่อพระองค์ทรงทราบก็ทรงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
พระองค์ไม่ต้องการที่จะทะเลาะกับใคร เพราะว่าไม่มีประโยชน์อะไร
ความรุนแรงไม่ได้ช่วยให้เกิดการแก้ไขปัญหา พระองค์ไม่ใช่ความรุนแรง
เปโตรบอกว่าอย่าตอบแทนการร้ายด้วยการร้ายแต่ให้อวยพรเขา (1ปต.3:9)
ความถ่อมใจแท้คือการตอบสนองต่อความรุนแรงด้วยความสุภาพและทำสิ่งที่ดี
อ.เปาโลบอกว่า อย่าแก้แค้นเลยถ้าศัตรูของท่านหิวจงให้อาหารเขารับประทาน (รม.12:20) ฝากการแก้แค้นไว้กับพระเจ้า แต่จงทำสิ่งที่ดีอยู่เสมอ
2.2 ไม่แสวงหาเกียรติยศชื่อเสียง (มธ.12:15-16,
19) พระเยซูรักษาคนเจ็บคนป่วยมากมายและสั่งไม่ให้เขาไปบอกกับผู้ว่าพระองค์คือผู้ใดและใครรักษาให้
เพราะว่าพระองค์ไม่ต้องการได้รับเกียรติยศชื่อเสียง แต่คนส่วนใหญ่วิ่งหา
เพราะว่าบรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้าและบรราศักดิ์ศรีของเขาก็เป็นเสมือนดอกหญ้าที่จะเหี่ยวแห้งไป
(1ปต.1:24)
ศักดิ์ศรีไม่ได้มาจากที่คนอื่นมอบให้แต่มาจากการกระทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้องของเราเอง
จงถ่อมใจและยกพระองค์ขึ้นให้สูงที่สุดในชีวิตของเรา
เมื่อความถ่อมใจมาถึงการลงโทษก็ออกไป (2พศด.32:24-26)
ให้เราถ่อมใจยินดีทำสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าต่ำต้อย (รม.12:16)
แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อ (รม.12:3)
อย่าแสวงหาเกียรติยศชื่อเสียงเพื่อตัวเอง แต่จงให้พระเจ้า
2.3 อ่อนโยนต่อผู้ที่ชอกช้ำ (มธ.12:20)
คนที่ชอกช้ำคนที่สิ้นหวังพระองค์จะทรงให้ชีวิตใหม่
คนที่เดือดร้อนพระองค์ทรงให้ความช่วยเหลือ นี่คือความอ่อนโยนที่พระองค์ทรงแสดงออกมา
พระองค์ไม่ซ้ำเติมคนที่กำลังเดือดร้อน แต่กลับให้ความช่วยเหลือ ให้โอกาส
ให้กำลังใจ ให้สิ่งที่เขาต้องการ เราเป็นลูกของพระเจ้า พระองค์ทรงเลือกสรรเรามา
และทรงไถ่เราด้วยราคาแพง เราจะต้องตอบสนองต่อพระองค์ด้วยการแสดงออกถึงความอ่อนโยน
สุภาพ ให้การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงถึงความเข้าแข็งในพระองค์
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น