สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2012
พระธรรม โยนาห์ 1-4
พระธรรมโยนาห์เป็นเรื่องราวที่ทำให้เราเห็นถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์ไม่ว่า
พวกเขาจะเป็นอย่างไร และพระธรรมโยนาห์ยังแฝงไว้ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน
รวมถึงความขมขื่น การอาฆาตพยาบาทที่มีมาอย่างยาวนานในชีวิตของมนุษย์
ทำให้เราเห็นผลเสียต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นหากเรายังมีรากขมขื่นและยังไม่ให้อภัยเช่นโยนาห์
ประวัติศาสตร์ไม่อาจที่จะลบล้างออกไปได้ แต่ความขมขื่นสามารถที่จะลบออกไปได้ด้วยการให้อภัย
พระเจ้าทรงเรียกโยนาห์เพื่อให้ไปประกาศกับนีนะเวห์ถึงการพิพากษาของพระเจ้าที่จะมาถึงพวกเค้าหากไม่กลับใจใหม่
แต่เนื่องจากบรรพบุรุษของนีนะเวห์ก็คือเอโดมซึ่งเป็นพี่ชายของอิสราเอล
ที่ไม่ยอมให้อิสราเอลเดินผ่านเมืองไปยังคานาอัน จึงทำให้อิสราเอลต้องเดินทางอ้อมไปทางอื่น
เป็นเหตุให้ต้องเสียเวลาเพิ่มขึ้นในการเดินทาง ทำให้โยนาห์เกิดรากขมขื่นกับคนเอโดม
และไม่ยอมให้อภัยแม้ว่าเวลาจะยาวนานสักเพียงใด โยนาห์เป็นคนที่รักพระเจ้าและเชื่อว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะต้องลงโทษพงษ์พันธ์ของเอโดม
คือ นีนะเวห์ เพราะว่าคนนีนะเวห์ ไม่เดินกับพระเจ้า กระทำความผิดบาปมากมาย
โยนาห์ต้องการให้คนนีนะเวห์ถูกลงโทษจากพระเจ้า
แต่เมื่อพระเจ้าต้องการที่จะให้นีนะเวห์กลับใจและหันหลังให้กับบาป เพื่อพระเจ้าจะได้ไม่ต้องลงโทษพวกเขา
โยนาห์กลับไม่พอใจ และเมื่อพระเจ้ามาเรียกโยนาห์เพื่อจะใช้ให้ไปนีนะเวห์จึงหนีการทรงเรียกของพระเจ้า
แต่อย่างไรก็ตามพระเมื่อพระเจ้าเรียกใครอย่างเจาะจงแล้ว พระองค์ก็จะทรงเรียกผู้นั้นจนสำเร็จ
ไม่ว่าเราจะหนีไปไหน ไม่ว่าเราจะไปซ่อนตัวอยู่ในที่ใด พระองค์ก็จะตามหาเราจนเจอ
ดังนั้นอย่าคิดที่จะหนีการทรงเรียกของพระเจ้า ทำไมเราจึงไม่ควรหนีการทรงเรียกของพระเจ้า
จะยกตัวอย่างให้เห็นเหตุผล 4 ประการ คือ
1.ทำให้เกิดผลเสียขึ้นมากมาย
(1-2)
ขณะที่โยนาห์กำลังหนีการทรงเรียกของพระเจ้าไปยังเมืองทารชิช
เราเห็นผลเสียหรือผลร้ายเกิดขึ้นกับโยนาห์และคนรอบข้างที่เขาอยู่ด้วย
1.1 ทำให้ตัวเองและคนอื่นเกือบต้องเสียชีวิต
(1:1-17)
พระเจ้าทรงทำให้เกิดลมพายุใหญ่เกิดขึ้นในทะเล
ทำให้เรือที่โยนาห์โดยสารไปยังเมืองทารชิชนั้นเกือบจะเกิดการอัปาง หรือเกือบจะจม
จนต้องขนสิ้งของต่างๆ ทิ้งลงในทะเลจนหมด เพื่อให้เรือเบาขึ้น คนในเรือทุกคนรวมทั้งโยนาห์เกือบเอาชีวิตไม่รอด
คนๆ เดียวที่หนีการทรงเรียกของพระเจ้า เกือบทำให้คนทั้งหมดที่อยู่บนเรือเสียชีวิต คนๆเดียวไม่เชื่อฟังฉันใดก็นำการสูญเสียมาสู่ตัวเองและคนอื่นอีกมากมาย
เช่นเดียวกับอาคานคนเดียวที่ไม่เชื่อฟังฉันใด อิสราเอลทั้งกองทัพต้องพ่ายแพ้ อาคานบุตรนูนได้นำเอาของถวายบางส่วนไปเป็นของตน
พระพิโรธของพระเจ้าจึงพลุ่งขึ้นสู่คนอิสราเอล (ยชว.7:1) อาคานได้ประพฤติอสัตย์ พระพิโรธของพระเจ้าก็มาเหนือชุมชนอิสราเอล
(ยชว.22:20) การไม่เชื่อฟังของคนๆ
เดียวก็นำความเสียหายมาสู่คนมากมายได้ แต่พระเยซูผู้เดียวที่เชื่อฟังการทรงเรียกของพระบิดาก็นำชีวิตมาสู่คนมากมายได้
(1คร.15:22) การเชื่อฟังทำให้คนได้รับความรอด
หากเราเชื่อฟังการทรงเรียกของพระเจ้าเราจะช่วยคนได้มากมายเช่นกัน
1.2 จะทำให้ตัวเองเกิดความทุกข์
(2:1-7)
ไม่เพียงแต่เกือบเอาชีวิตไม่รอด
ข้าวของต้องเสียหายมากมาย เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องตกอยู่ในควมทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เมื่อโยนาห์หนีการทรงเรียกของพระเจ้า
ร่างกายและจิตใจก็ตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบากตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
เพราะว่าต้องจากบ้าเรือน จากญาติพี่น้อง
ต้องทุกข์ระทมเพราะไม่เป็นไปอย่างที่ตนเองคาดคิดแต่ตรงกันข้ามกับจะเห็นคนที่ตนเองเกลียดชังจะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า
เช่นเดียวกับอาดัมกับเอวา
เมื่อทำความผิดก็เกิดความทุกข์ระทม
ไม่กล้าสู้หน้าพระเจ้าต้องไปซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ (ปฐก.3:8-10)
เมื่อไม่เชื่อฟังก็ทำให้เกิดความทุกข์ ทั้งทางร่างการและจิตใจ หนักสุดจนถึงจิตวิญญาณ
ซึ่งจะต้องได้รับโทษในที่สุด ดังนั้นไม่ควรหนีการทรงเรียกของพระเจ้า
เมื่อพระเจ้าเรียกเราให้ทำสิ่งใดให้เราเชื่อฟังและตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าทันที
2.
ทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย (1-2)
เมื่อโยนาห์ไม่ตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้า
พระเจ้าไม่พอพระทัย พระองค์ก็จะหาทางสะกัดกั้นการหนีของโยนาห์ด้วยการทำทุกอย่างให้โยนาห์หนันกลับมา
สิ่งที่เราเห็น คือ
2.1
พระเจ้าทรงขัดขวาง (1:1-16)
พระเจ้าทำให้เกิดพายุใหญ่ขึ้นกลางทะเล
จนทำให้เรือไม่สามารถท่ะวิ่งต่อไปได้ โครงเครงไปมา
คลื่นก็โถมซัดเข้ามาจนทำให้เรือเกือบจะจม
จนต้องขนของทุกอย่างในเรือทิ้งก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้ พระเจ้าจะกระทำทุกวิถีทางเพื่อให้เรากลับเข้าสู่แผนการของพระเจ้า
พระเจ้าได้ทรงเริ่มต้นการดีไว้แล้วพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์
อาจารย์เปาโล กล่าวไว้เช่นนั้น (ฟป.1:16) ดังนั้นเราไม่ควรหนีการทรงเรียกของพระเจ้า
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงกระทำให้สำเร็จ จะขัดขวางเรา จะนำเรากลับมา
เราจะเสียเวลาเปล่า
2.2 พระเจ้าจะลงโทษ (1:17-2:6)
ไม่เพียงแต่พระเจ้าจะขัดขวาง
เมื่อเราไม่กลับใจใหม่พระเจ้าจะลงโทษ โยนาห์เหมือนอยู่ในคุกมืด
เมื่อพระเจ้าให้ปลาใหญ่มากินโยนาห์ โยนาห์ต้องอยู่ในนั้น 3 วัน 3 คืน
ไม่ได้หลับได้นอน ไม่ได้กินอะไรเลย เต็มได้ด้วยความทุกข์ทรมาน เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ
(ยนา.2:2) ซึ่งเป็นการลงโทษจากพระเจ้า หากเราทำผิดทำบาปและไม่กลับใจใหม่
เราจะต้องถูกลงโทษจากพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เรากลับใจใหม่
เพื่อเราจะได้รับพระพรจากพระเจ้า
3.
พระเจ้าต้องการใช้เรา (3)
เมื่อพระเจ้าเรียกเรา
พระเจ้าต้องการที่จะใช่เราไปทำสิ่งที่ดีบางอย่าง พระองค์มีพระประสงค์สำหรับเรา
และพระองค์ทรงรู้ว่าเราทำได้ เราเห็นสิ่งที่พระเจ้าใช้โยนาห์ไปทำคือ
3.1 ประกาศความจริงของพระเจ้า
(3:1-9)
พระเจ้าใช้โยนาห์ให้ไปประกาศความจริงของพระเจ้า
เรื่องการพิพากษาของพระเจ้าที่จะมาถึงนีนะเวห์ ว่า อีกสีสิบวันนีนะเวห์จะถูกคว่ำ
หากพวกเขาไม่กลับใจใหม่
พระเจ้าเรียกเราต้องให้เราออกไปประกาศความจริงเรื่องแผ่นดินของเจ้า
ให้เรานำความรอดไปสู่คนทั้งหลายทุกชนชาติ ดังพระมหาบัญชาของพระเจ้า (มธ.28:19-20)
พระเยซูเป็นแบบอย่างของการเชื่อฟัง เพื่อประกาศความจริงของพระเจ้า (ฟป.2:8-9) (รม.5:8) พระเจ้าต้องการใช้เราและรู้ว่าเราทำได้
ให้เราเชื่อฟัง ไม่หนีการทรงเรียกของพระเจ้า
3.2
ช่วยคนให้พ้นจากการถูกพิพากษา (3:10)
เมื่อโยนาห์ประกาศความจริงของพระเจ้าออกไปชาวนีนะเวห์กลับใจใหม่
พระเจ้าก็กลับพระทัยไม่ลงโทษนีนะเวห์ พระเจ้าไม่ต้องการให้ใครสักคนต้องพินาศไปเลย
(มธ.18:14)
พระองค์จะทรงพิทักษ์รักษาเขาเอาไว้ (ยน.17:12)
พระเจ้าจะทรงปกป้องคนของพระองค์โดยการประกาศของเราทั้งหลาย
เราจึงไม่ควรหนีการทรงเรียกของพระเจ้า
เพราะพระเจ้าจะใช้เราให้ไปช่วยคนที่กำลังจะพินาศให้ได้รับความรอด
4.
เพราะพระเจ้าทรงพระคุณ (4)
พระเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยพระคุณนานาประการ
และพร้อมที่จะหยิบยื่นให้กับเราทุกคน ไม่ว่าเราจะเป็นคนอย่างไรก็ตาม พระองค์พร้อมเสมอที่จะให้อภัยและยกโทษให้กับเรา
พระเจ้ามีพระคุณต่อใครบ้าง
4.1 ทรงพระคุณต่อเรา
(4:1-10)
แม้ว่าโยนาห์จะหนีพระเจ้าอย่างไร
พระองค์ก็ยังทรงพระคุณต่อโยนาห์ พร้อมที่จะช่วยเหลืออยู่เสมอ
ในยามที่เดือดร้อนพระเจ้าก็เข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้นไม่ว่าเราจะเดือดร้อนด้วยเรื่องอะไร
เมื่อเราหันหน้าเข้ามาหาพระเจ้า พระองค์ก็พร้อมทุกเวลาที่จะช่วยเหลือเรา
ซึ่งเป็นพระคุณซ้อนพระคุณสำหรับเรา (ยน.1:16)
พระองค์ทรงอดทนต่อเราอย่างมากเหมืนอที่พระองค์ทรงอดทนต่อคนอิสราเอล (กจ.13:18)
4.2
ทรงพระคุณต่อคนอื่น (4:11)
ไม่เพียงแต่พระเจ้าทรงพระคุณต่อเรา
พระเจ้ายังทรงพระคุณกับคนทั้งหลายอีกด้วย
เพราะว่าคนเหล่านั้นต่างก็เป็นลูกของพระองค์เช่นกัน
พระเจ้าทรงพระคุณต่อโยนาห์ฉันใดพระเจ้าก็ทรงพระคุณต่อนีนะเวห์ฉันนั้น
ไม่ว่านีนะเวห์จะทำความผิดบาปมากเท่าไหร่ก็ตามพระเจ้าก็ยังให้โอกาสนีนะเวห์ที่จะกลับใจก่อนที่พระเจ้าจะทรงพิพากษาพวกเขา
ดังนั้นเมื่อพระเจ้าเรียกเราให้ทำการใดๆ เราจึงควรที่จะตอบสนองด้วยความยินดี
เพราะว่าพระองค์ทรงมีพระคุณกับเราและคนทั้งหลายเพียงพอเสมอ อย่าวิ่งหนีการทรงเรียกของพระเจ้าเลยเพราะว่าเราจะเหนื่อยเปล่า
เราจะต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรค์มากมาย พระเจ้าจะทรงขัดขวางเราทุกวิถีทาง
เพื่อทำให้เรากลับใจใหม่
เพื่อจะใช้เราไปประกาศและช่วยเหลือคนมากมายให้ได้รับความรอด
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ขอบคุณพระเจ้า พระะคำหนุนใจมากรับ
ตอบลบ