สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่
10 มิถุนายน 2012
พระธรรม มัทธิว
12:22-37
ผีมารซาตานคือศัตรูตัวสำคัญของผู้เชื่อ เปโตรได้เตือนผู้เชื่อ
ให้ระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี เพราะว่ามารซาตานวนเวียนอยู่รอบๆ
ดุจสิงห์คอยเที่ยวไปหาคนที่ปล่อยตัวปล่อยใจ (1ปต.5:8)
คนที่ไม่ระมัดระวังชีวิต เพื่อทำลายชีวิตของผู้เชื่อเหล่านั้น
แต่พี่น้องที่รักเราไม่ต้องวิตกกังวลถ้าหากเราดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้า
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มีชัยชนะเหนือมารซาตาน
พระองค์ทรงมีฤทธานุภาพไม่จำกัด พระองค์เป็นผู้มีสิทธิอำนาจเหนือมารซาตาน
จากพระธรรมตอนนี้เราเห็นถึงสิทธิอำนาจของพระเยซูอย่างชัดเจน คือ
1.
พระเยซูมีสิทธิอำนาจในการขับผี (มธ.12:22-29)
การขับผีของพระเยซูคริสต์ไม่เพียงทำให้ผีถูกขับออกไปเท่านั้น
แต่ยังได้สำแดงถึงบางสิ่งบางอย่างให้เราได้เห็นถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้า อย่างน้อย
2 ประการ คือ
1.1 ได้สำแดงอาณาจักรของพระเจ้า
(มธ.12:22-28)
พระเยซูบอกว่า
แต่ถ้าเราได้ขับผีออกด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว
แผ่นดินสวรรค์หรืออาณาจักรของพระเจ้า หมายถึงการครอบครอง
เมื่อก่อนผีได้ครอบครองในจิตใจของเรา เราตกอยู่ในอาณาจักรของผีมารซาตาน
แต่พระเยซูได้มาตายที่กางเขนเพื่อไถ่เรา ได้นำเราออกมาจากอาณาจักรของมารซาตาน
มาอยู่ภายใต้การครอบครองของพระเจ้า นั่นคือ
พระองค์พาเราเข้ามาสู่อาณาจักรของพระองค์ ดังนั้นเมื่อเรากลับใจใหม่
แผ่นดินสวรรค์จึงเข้ามาใกล้เราแล้ว (มธ.4:17) คือมาอยู่แค่เอื้อมของเรา
ถ้าในฝ่ายวิญญาณ เราก็ได้อยู่ในแผ่นดินสวรรค์แล้ว (มธ.12:28)
แต่ในฝ่ายกายภาพเรากำลังที่จะเข้าไปในวันสุดท้าย เมื่อพระเยซูมารับเรา
หรือเมื่อเราจากโลกนี้ไปอยู่กับพระองค์ มารซาตานยังทำงานของมันอยู่อย่างไม่ลดละ
เราจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตของเรา
เพื่อไม่ให้เราต้องตกไปอยู่ในอาณาจักรของมารซาตานอีก พระเยซูสอนสาวกให้อธิษฐานว่า
ขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลองเลย แต่ขอให้พ้นจากชั่วร้าย (มธ.6:13) เพราะถ้าเราไม่ระมัดระวัง ผีจะกลับมาหาเราอีก (มธ.12:43-45) ให้เราเดินติดตามพระเจ้าอย่างใกล้ชิด
เพื่อว่าเราจะได้อยู่กับพระองค์เสมอไป (มธ.16:27-28)
พระองค์จะทรงประทานบำเหน็จให้กับเรา (มธ.26:29, 64)
เพื่อเป็นการประกาศพระราชอาณาจักรของพระองค์ร่วมกัน
1.2
สำแดงชัยชนะของพระเยซู (มธ.12:29)
พระเยซูมีสิทธิอำนาจเหนือมารซาตาน
พระองค์ได้ขับผีออก ซึ่งเป็นการแสดงให้เราเห็นชัยชนะของพระเยซูที่มีเหนือมารซาตาน
แม้มารซาตานจะดูยิ่งใหญ่ในสายตาของคนทั้งหลาย
รวมทั้งในสายตาของผู้เชื่อบางคนหรือในชีวิตของเราบางครั้ง
เราต้องเชื่อในฤทธิ์อำนาจของพระเยซู เชื่อในชัยชนะของพระเยซู
เพราะถ้าเราเชื่อเช่นนั้น เราก็ได้รับชัยชนะเช่นนั้นด้วย (1ยน.4:3-4)
มารซึ่งเป็นเจ้าแห่งการล่อลวงก็จะถูกจับโยนลงไปในบึงไฟนรก (วว.20:10) ให้เราตระหนักอยู่เสมอว่า เราเป็นผู้มีชัยชนะร่วมกับพระเยซู
เรามีชัยเหนือมารซาตาน แต่บางครั้งเราพ่ายแพ้ต่อใจเราเอง
เราพ่ายแพ้ต่อสภาพเศรษฐกิจ เราพ่ายแพ่ต่อการล่อลวงทางเพศ
เราพ่ายแพ้ต่อชื่อเสียงเกียรติยศ ทำให้เราทอดทิ้งพระเจ้าหันไปกับสิ่งเหล่านั้น
บางคนบอกว่านั่นไม่ใช่ผีมารซาตาน จริงอยู่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ผีมารซาตาน
แต่มารซาตานได้ใช้สิ่งเหล่านั้นมาล่อลวงเรา เราต้องเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่เสมอ
เพื่อเราจะไม่ต้องถูกทดลอง (มธ.26:41)
บางครั้งเราประมาท
เราคิดว่าเราเข้มแข็งแท้จริงจิตวิญญาณของเรายังอ่อนอยู่
บางครั้งจิตวิญญาณเราเข้มแข็ง แต่ร่างกายเราอ่อนแอก็ทำให้เราถูกล่อลวงได้ง่าย
เช่นคนที่กำลังป่วย คนที่กำลังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ก็อาจจะถูกมารล่อลวงได้
เราจึ่งต้องไม่ประมาท ยึงพระเยซูเอาไว้ พระองค์เป็นผู้มีชัยชนะ เราก็ได้รับชัยชนะร่วมกับพระองค์ด้วย
2.
การตอบสนองต่อสิทธิอำนาจของพระเจ้า (มธ.12:23-37)
2.1
เราต้องรักษาจิตใจของเราให้ถูกต้อง (มธ.12:23-25)
อย่าให้เราเป็นเหมือนพวกฟาริสี
ที่รู้อยู่แก่ใจว่าพระเยซูเป็นผู้มีสิทธิอำนาจ แต่ใจแข็งกระด้างไม่ยอมรับความจริง
หรือยอมรับความจริงไม่ได้ว่า พระเยซูเป็นผู้มีสิทธิอำนาจ
ใจปิดไม่ยอมเปิดรับความจริง ไม่ว่าจะเห็นความจริงอย่างไรก็ตาม ใจก็ยังแข็งกระด้าง
และเมื่อเห็นพระเยซูขับผีออก ก็บอกว่าพระเยซูใช้อำนาจของนายผี
พี่น้องที่รักให้เรารักษาใจของเราให้ถูกต้อง อย่ารักษาหน้ามากกว่ารักษาใจ
ถ้าหากเราทำผิดก็ยอมรับว่าเราทำผิด ถ้าเราไม่รู้ก็ยอมรับว่าเราไม่รู้
พระเจ้าและทุกคนพร้อมที่จะให้อภัยแก่เรา
แต่ถ้าเรายิ่งไม่ยอมรับผลเสียก็จะเกิดขึ้นกับเราในที่สุด
เราต้องรักษาใจของเราเพราะว่าชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ (สภษ.4:23)
อย่าปล่อยไปตามอารมณ์ความรู้สึก อย่าแช่อยู่ในความบาป
อย่าปล่อยให้ความคิดแง่ลบเข้ามา จงรักษาใจของเราให้ถูกต้อง
2.2
ผูกพันตัวกับพระเจ้า (มธ.12:30)
ถ้าหากเราต้องการที่จะมีชีวิตที่ปลอดภัยเราต้องนำชีวิตของเราเข้ามาผูกพันตัวกับพระเจ้า
ถ้าเราไม่มาผูกพันตัวกับพระเจ้า เราก็กำลังปล่อยให้ตัวเราตกไปอยู่ภายใต้การครอบครองของผีมารซาตาน
เราควรจะตัดสินใจให้ชัดเจนว่าเราจะเลือกติดตามใครระหว่างพระเจ้ากับผีมารซาตาน
การดำเนินชีวิตของเราเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราตัดสินใจในเลือกว่าเราจะเดินอยู่ฝ่ายไหน
เราไม่สามารถเลือกเอาทั้งสองฝ่ายได้ ถ้าเราเชื่อพระเจ้าเราก็ต้องกระทำสอดคล้องกับความเชื่อของเรา
(ยก.2:19, 22) มารมันกลัวพระเจ้าจนตัวสั่น จงเข้ามาสนิทกับพระเจ้า
ด้วยการอธิษฐานการวิงวอน การอ่านพระคัมภีร์ การนมัสการพระเจ้า ด้วยการรับใช้
อย่าวิ่งหนีพระเจ้า เพราะมารจะวิ่งตามมา
2.3 ระมัดระวังคำพูด
(มธ.12:31-37)
ฟาริสีพูดจาดูหมิ่นพระเจ้า ว่าพระองค์ใช้อำนาจของนายผี
พระเยซูบอกว่าใครก็ตาที่พูดดูหมิ่นหรือกล่าวร้ายบุตรมนุษย์จะโปรดยกโทษให้ได้
แต่ถ้ากล่าวร้ายหรือดูหมิ่นพระวิญญาณ ไม่สามารถยกโทษให้ได้ทั้งในยุคนี้และยุคหน้า
ดังนั้นเราต้องระมัดระวังคำพูดของเรา บางครั้งคำพูดของเราที่เราไม่ได้ระวังกลายเป็นคำพูดที่เป็นการดูหมิ่นพระเจ้า
อาจารย์เปาโล ได้บอกว่าเมื่อก่อนท่านเคยดูหมิ่นพระเจ้า เพราะทำไปด้วยความโง่เขลา (1ทธ.1:13)
เราต้องระมัดระวังคำพูด เราไม่ควรพูดเล่นไม่เป็นสาระ อย่าพูดเอาเพียงแค่สนุก
บางครั้งการพูดของเราเป็นการให้ร้ายพระเจ้า หรือให้ร้ายพี่น้องของเรา
หรือคำพูดของเราเป็นการกล่าวติเตียนพระเจ้า ต่อว่าพระเจ้า
เมื่อพระองค์ไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา หรือบางครั้งคำพูดของเราเป็นการสบประมาทพระเจ้า
ดังนั้นก่อนที่เราจะพูดอะไรออกไป เราต้องระมัดระวัง
เราต่างก็เคยผิดพลาดในเรื่องนี้มาแล้ว เราไม่ควรทำผิดอีก
ดังนั้นให้เราตระหนักว่า
พระเยซูเป็นพระเจ้าผู้มีสิทธิอำนาจ พระองค์ทรงขับผีออก
ซึ่งเป็นการสำแดงอาณาจักรของพระเจ้า สำแดงถึงการครอบครองของพระเจ้า
และชันชนะของพระองค์ที่ทรงมีเหนือผีมารซาตาน
เราจึงควรมีท่าทีที่ถูกต้องต่อพระเจ้าและสิทธิอำนาจของพระองค์
เราต้องนำชีวิตของเราเข้ามาผูกพันไว้กับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา
เราต้องระมัดระวังคำพูดของเรา
เพื่อเราจะไม่พูดดูหมิ่นพระเจ้าและพี่น้องของเราโดยไม่ตั้งใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น