02 พฤษภาคม 2554

ไม่ต้องกลัว


                เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2011 ท่านอาจารย์ ดร.เลิศ ทิศยากร ได้มาเทศนาที่คริสตจักร พวกเราได้รับพระพรอย่างมาก ขอบคุณพระเจ้า ท่านได้แบ่งปันในพระธรรมโรมบทที่ 8 ข้อ 15 ขอเดียว แต่เป็นข้อเดียวที่ให้ข้อคิดและหลักการในการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเราได้อย่างดี

ผมจึงขอนำมาเเบ่งปันไว้ ณ ที่นี้

                 โรม 8:15 เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก   แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า   ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า   อับบา”   คือพระบิดา 

                ท่านอาจารย์ได้ชี้ให้เห็นความพิเศษของคำ 2 คำ ของพระวจนะข้อนี้ คำเเรก ก็คือคำว่า "น้ำใจทาส" กับอีกคำหนึ่งคือ "อับบา" ที่แปลว่าพระบิดา

สองคำนี้มีความหมายพิเศษมากสำหรับเราทั้งหลายที่เป็นผู้เชื่อ อาจารย์ได้ให้คำอธิบายคำว่า “น้ำใจทาส” ในที่นี้นั้น ความจริงแล้ว คำว่า “น้ำใจ” ในที่นี้ ในภาษากรีก คือคำว่า “นิวมา” ซึ่งหมายถึง ลม, พระวิญญาณ

ดังนั้นที่โรมบทที่ 8 ข้อ 15 ได้บอกว่า “เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาส” แต่ได้รับ “พระวิญญาณ” ของพระเจ้า จึงไม่ทำให้เราต้องตกอยู่ในความกลัวอีกต่อไป เพราะว่า เราไม่ได้เป็นทาส แต่เราเป็นไท เรามีอิสรภาพในพระเยซูคริสต์

“ความกลัว” ทำให้เราท้อแท้ แต่พระเจ้าได้ประทานฤทธิ์แห่งความรักความกล้าหาญให้กับเรา
2 ทิโมธี 1:7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา   แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์   ความรัก   และการบังคับตนเองให้แก่เรา  
1 ยนห์น 4:18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว   แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ได้ขจัดความกลัวเสีย   เพราะความกลัวเข้ากับการลงโทษและผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์

ดังนั้นการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเราจึงไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ความกลัวอีกต่อไป เพราะว่าเราไม่ได้เป็นทาสแล้ว เราอย่าปล่อยให้มารหรอกความคิดเรา และอย่าทำตัวเองให้เป็นทาสของมารอีกต่อไป
อีกคำหนึ่งคือคำว่า “อับบา” ที่แปลว่า “พระบิดา”  พระคัมภีร์ได้บอกให้เรารู้ว่า พระเจ้าได้ทรงประทานพระวิญญาณบริสูทธิ์ให้กับเรา เพื่อให้เราเป็นลูกของพระเจ้า เราจึงสามารถเรียกพระเจ้าว่า “พ่อ”

ความจริงแล้วพระคัมภีร์ได้บอกว่า “ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “พระบิดา” (ก็คือพ่อนั่นเอง) พระเจ้าเป็นพ่อของเรา หลายคนพอพูดถึงคำว่า “พ่อ” แล้วอาจจะรับไม่ได้ เพราะว่าติดภาพของพ่อที่ลงโทษอย่างรุนแรง หรือเห็นภาพที่พ่อทำร้ายแม่ หรือเป็นภาพพ่อที่เมาเหล้าขาดความรับผิดชอบ มีบาดแผลอยู่ในใจทำให้รับไม่ได้กับคำว่า “พ่อ”

แต่จะขอบอกว่า “พ่อ” คนนี้ ไม่เหมือนพ่อของเราที่ทำทารุนโหดร้ายกับเรา หรือกับแม่ของเรา หรือกับใครๆที่เกี่ยวข้องกับเรา แต่ “พ่อ” คนนี้ มีความรักความเมตตาอยู่เสมอ เป็นพ่อที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาหาในยามที่ลูกๆต้องการ ในยามที่ลูกๆตกระกำลำบาก

“พ่อ” คนนี้พร้อมที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกของท่านเสมอ เรารู้ได้อย่างไรว่า “พ่อ” คนนี้เป็นอย่างนั้น พระวจนะของพระเจ้าได้บอกเราไว้ใน
ลูกา 11:11-13 11มีผู้ใดในพวกท่านที่เป็นบิดา   ถ้าบุตรขอ (สำเนาโบราณหลายฉบับ   เพิ่มว่า   ขนมปัง   จะเอาก้อนหินให้เขาหรือ   หรือถ้าขอ) ปลาจะเอางูให้เขาแทนหรือ 12หรือถ้าขอไข่   จะเอาแมงป่องให้เขาหรือ 13เพราะฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน   ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด   พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์   จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์  

พ่อในโลกนี้ที่เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีกับบุตรของตนเลย แล้วทำไม “พ่อ” คนนี้ของเราที่ตายเพื่อเราจะไม่ให้ของที่ดีกว่ากับเราทั้งหลายที่เป็นลูกของพระองค์หรือ

“พ่อ” คนนี้ของเรา ก็เป็น “พ่อ” ที่ขี้อวดเหมือนกับพ่อทุกๆคนบนโลกนี้เหมือนกัน เราเห็นได้จากที่ “พ่อ” คนนี้อวดลูกของพระองค์ใน โยบ 1:8 8และพระเจ้าตรัสกับซาตานว่า   เจ้าได้ไตร่ตรองดูโยบผู้รับใช้ของเราหรือไม่   ว่าในแผ่นดินโลกไม่มีใครเหมือนเขา   เป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม   เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้าย

พระเจ้าพูดอวดกับซาตานว่า “โยบเป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม ในแผ่นดินโลกนี้ไม่มีใครเหมือนเขาเลย” พระเจ้าภาคภูมิใจในลูกของพระองค์เสมอ

หลายคนคงคิดในใจว่า ก็เราไม่เหมือนโยบนี่ พระองค์จะยังทรงรักเราหรือ ก็ขอบอกเอาไว้ที่นี้เลยว่า พระองค์ยังทรงรักเราอยู่เสมอ แม้เราไม่เหมือนโยบ แต่เราก็ยังเป็นลูกของพระองค์ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เหมือนกับชีวิตของเรา เมื่อเราเกิดมาใหม่ๆ เราเป็นทารก เราก็เป็นลูกของพ่อแม่ เมื่อเราโตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาว เราก็ยังเป็นลูกของพ่อแม่ และเมื่อเราโตขึ้นมาอีก เราแต่งงานเปลี่ยนนามสกุลไปแล้ว เราก็ยังเป็นลูกของพ่อแม่อยู่ ความเป็นลูกไม่ได้หมดไปตามกาลเวลาฉันใด ความเป็นลูกของพระเจ้าก็ไม่ได้หมดไปตามความชั่วดีของเรา เรายังเป็นลูกของพระองค์เสมอ

ตัวอย่างที่ดีที่สุดของ “พ่อ” คนนี้ก็คือ บิดาของบุตรน้อยที่หลงหายไป เฝ้าคอยลูกกลับมาหาทุกวัน เมื่อลูกกลับใจใหม่กลับมาหาพ่อ พ่อก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรสักคำ แต่กลับจัดงานต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

“พ่อ” คนนี้ ไม่เหมือนพ่อที่เป็นคนบาป แต่เป็นพ่อที่พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ คอยปลอบใจ คอยให้กำลังใจ คอยดูอยู่ไม่ให้คลาดสายตา คอยว่าเมื่อไหร่ลูกของพระองค์จะกลับมา และเมื่อลูกกลับมา “พ่อ” คนนี้ก็จะเปรมปรีเป็นอย่างมาก เหมือนในคำอุปามาในพระธรรมลูกา

ลูกา 15:3-7  3พระองค์จึงตรัสคำเปรียบให้เขาฟังดังต่อไปนี้ว่า 4ในพวกท่านมีคนใดที่มีแกะร้อยตัว   และตัวหนึ่งหายไป   จะไม่ละเก้าสิบเก้าตัวนั้นไว้ที่กลางทุ่งหญ้า   และไปเที่ยวหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะได้พบหรือ 5เมื่อพบแล้วเขาก็ยกขึ้นใส่บ่าแบกมาด้วยความเปรมปรีดิ์ 6เมื่อมาถึงบ้านแล้ว   จึงเชิญพวกมิตรสหายและเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน   พูดกับเขาว่า   'จงเปรมปรีดิ์กับข้าพเจ้าเถิด   เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้าที่หายไปนั้นแล้ว' 7เราบอกท่านทั้งหลายว่า   เช่นนั้นแหละ   จะมีความปรีดีในสวรรค์   เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่   มากกว่าเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่

ดังนั้นให้เรากลับใจใหม่ กล้าที่จะกลับมาหาพระเจ้า ไม่ต้องกลัวว่าพระเจ้าจะไม่รับเรา พระองค์พร้อมที่จะรับเรา ให้โอกาสกับเรา ให้อภัยเรา ให้สิ่งที่ดีต่างๆกับเรา พระองค์ทรงยอมรับเราอย่างที่เราเป็น จงกลับมาหาพระเจ้าตั้งแต่ยังมีเวลาและโอกาสอยู่เถอะครับ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น