14 พฤษภาคม 2554

เอเสเคียลในศตวรรษที่ 21

สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม 2011

พระธรรม เอเสเคียล 37:1-7
พระธรรมเอเสเคียลตอนนี้เป็นตอนที่พระเจ้าได้พาเอเสเคียลไปในหุบเขาที่มีกระดูกแห้ง ซึ่งเป็นเสมือนสุสาน ซึ่งพระคัมภีร์ได้บอกว่าที่นั่นมีกระดูกแห้งเต็มหมด พระคัมภีร์ใช้คำว่า “มากมายเหลือเกิน” มองไปทางไหนก็มีแต่กระดูกแห้ง เดินไปทางไหนก็มีแต่กระดูกแห้งทั้งนั้น กระดูกเหล่านี้ก็เปนียบเสมือนคนที่หมดความหวัง หมดอาลัยตายอยาก คนที่ไม่เชื่อพระเจ้า รวมถึงคริสเตียนที่ไม่ร้อนรน ไม่เอาจริงเอาจังด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนยักษ์ที่หลับอยู่ รอเวลาที่จะมีคนมาปลุก พระเจ้าได้ถามเอเสเคียลว่า “กระดูกเหล่านี้จะมีชีวิตได้อีกหรือเปล่า” เอเสเคียลตอบว่า “พระองค์ก็ทรงทราบอยู่แล้ว” เราเห็นใน อสค.37:10 กระดูกเหล่านั้นก็ “มีชีวิตแล้วก็ยืนขึ้นเป็นกองทัพใหญ่โตจริงๆ” พระเจ้าใช้เอเสเคียลให้มาปลุกกระดูกเหล่านั้นให้ลุกขึ้น กลับมามีชีวิต ในปัจจุบันนี้พระเจ้าก็จะใช้เราทั้งหลายที่นี่มาปลุกกระดูกที่แห้งอยู่เวลานี้ให้กลับมามีชีวิตและเป็นกองทัพของพระเจ้า เรามาดูว่าเอเสเคียลในตอนนั้นเป็นอย่างไร เอเสเคียลในศตวรรษที่ 21 ก็จะทำอย่างนั้นด้วย 3 ประการ
1. พระเจ้าอยู่ด้วย (อสค.37:1-2)
พระหัตถ์ของพระเจ้ามาอยู่เหนือข้าพเจ้า นั่นแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงอยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น พระวิญญาณยังทรงนำไปด้วย พระเจ้าอยู่กับเอเสเคียล เจิมอยู่เหนือชีวิตของท่าน เมื่อพระเจ้าอยู่ด้วยเราจึงเห็นความสำเร็จ เราเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คนในพระคัมภีร์มากมายที่เราเห็นที่พระเจ้าอยู่ด้วย เช่น อิสอัค (ปฐก.26:3) ยาโคบ (ปฐก.31:3)  เป็นต้น เมื่อพระเจ้าอยู่กับคนเหล่านั้น พระเจ้าก็จะอยู่กับเราเช่นเดียวกัน พระเจ้าสัญญาว่าจะอยู่กับเราจนกว่าจะสิ้นยุค (มธ.28:19-20)
2. มีความเชื่อ (อสค.37:3)
เอเสเคียลมีความเชื่อว่าพระเจ้าสามารถทำได้ทุกสิ่ง เมื่อพระเจ้าตรัสถามว่า “กระดูกเหล่านี้จะมีชีวิตได้ไหม” เอเสเคียลตอบอย่างมั่นใจทันทีเลยว่า “พระองค์ก็ทรงทราบอยู่แล้ว” นี้คือคำตอบของเอเสเคียล ผู้มีความเชื่ออย่างไม่สงสัย ไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว  แต่เป็นความมั่นใจในพระเจ้า เชื่อแม้ว่ายังมองไม่เห็นด้วยตาว่าสิ่งนั้นจะเป็นจริง (ฮบ.11:1) ถ้าเชื่อเราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (ยน.11:1) เห็นเพราะความเชื่อ (มธ.9:29) ผีออก เพราะความเชื่อของเธอ (มธ.15:28) ถ้าไม่มีความเชื่อก็จะไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า (ฮบ.11:6) ดังนั้นอย่าให้เราขาดความเชื่อ อย่าให้มารมาฉกชิงเอาความเชื่อไปจากเรา เราต้องรักษาความเชื่อเอาไว้
3. ลงมือทำ (อสค.37:7)
เมื่อพระเจ้าบอกเอเสเคียลเสร็จ เอเสเคียลก็เผยพระวจนะใส่กระดูกเหล่านั้นตามที่พระเจ้าบอกทันที เอเสเคียลไม่เพียงแต่มีความเชื่อ แต่ยังเชื่อฟังพระเจ้าและลงมือทำทันที นี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอัศจรรย์ขึ้น เราต้องเร่งลงมือทำทันที  คริสเตียนมีความเชื่อในพระเจ้า รู้ว่าพระเจ้าอยู่ด้วย แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คือ การลงมือทำอย่างทันทีทันใด บางครั้งมองดูคนอื่นก่อนว่ามีใครทำบ้างมั้ย ถ้าไม่มีฉันก็ไม่ทำ  หลายคนคอยฟังเสียงพระเจ้าอยู่ว่าเมื่อไหร่พระเจ้าจะเรียกสักที ผมขอบอกให้ทุกท่านทราบว่า พระเจ้าเรียกเราตั้งแต่วันแรกที่เรามาเชื่อพระเจ้าแล้วว่า  พระเยซูไม่ได้รีรอที่จะทำการของพระเจ้า (มธ.14:14) โคเนลิอัสกับเปโตรก็เช่นกันทั้งสองได้ตอบสนองพระเจ้าทันที (กจ.10:30-33) อ.เปาโลก็หาโอกาสทันทีที่จะประกาศกับคนต่างชาติ (กจ.16:10)

ถ้าเราจะเป็นเอเสเคียลในศตวรรษที่ 21 เราจะต้องมีความเชื่อ และเชื่อว่าพระเจ้าทรงอยู่ด้วยกับเรา และเราลงมือทำทันที เราไม่มีเวลาที่จะเสียไปอีกแล้ว ให้เรามั่นใจในพระเจ้าผู้ทรงเรียกเรามา ให้นำคนมากมายมารู้จักพระเจ้า พระเจ้าเรียกเราให้มาเป็นคนปลุกยักษ์ให้ตื่นขึ้น ให้เป็นกองทัพใหญ่ของพระเจ้าในยุคนี้ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น