สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่
7 ตุลาคม 2012
เทศนาเรื่อง “ใกล้เกลือกินด่าง”
พระธรรม มัทธิว
13:53-58
ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ในพระพระคัมภีร์เกี่ยวกับชีวิตวัยเด็กของพระเยซูมีไม่มากนัก
เพียงแต่บอกให้รู้ว่าพระเยซูเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เกิดที่ไหน
และทำอะไรบ้างเพียงเล็กน้อย
แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถที่จะสอนให้เราเข้าใจถึงความจริงบางประการของมนุษย์เราได้
แม้ว่าพระเยซูจะเป็นพระเจ้าและมีความรักความห่วงใยคนในบ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์มากมายขนาดไหนก็ตาม
แต่เพราะว่าคนในชมชนนั้นมีความรู้สึกบางสิ่งบางอย่างในจิตใจของพวกเค้า
ทำให้ความรักที่พระเยซูมีต่อพวกเค้าแม้จะมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถที่จะรับเอาไปได้
เพราะว่าใจของพวกเขามีอคติ เราเห็นผลเสียที่จะเกิดขึ้นเมื่อคนเรามีใจอคติ 2 ประการคือ
1. อคติทำให้ใจปิด (ข้อ54-57)
คนในชุมชนของพระองค์ได้พูดคุยกันหลังจากได้เห็นปัญญาและการอัศจรรย์ที่พระเยซูทำท่ามกลางพวกเขา
ว่า คนนี้เป็นลูกช่างไม้ไม่ใช่หรือ พ่อแม่และน้องๆ ชายหญิงของเขาเราก็รู้จัก
และไปเอาสติปัญญาอย่างนี้มาจากไหน ความจริงมาจากไหนไม่สำคัญเท่ากับใจที่เปิดออก
แต่พวกนี้ใจปิด จึงหาเรื่องที่จะไม่ยอมรับ และกลับไปดูที่พื้นภูมิของพระเยซู
ว่าเป็นเทือกเขาเหล่ากอมาจากช่างไม้กระจอกๆ หาเหตุผลมาอ้างเพื่อจะไม่ยอมรับ
ความจริงแล้วเราไม่สามารถรับด้วยปัญญาของโลกหรือของตนเอง (1คร.1:21-24) สิ่งที่ทำให้ใจของเราปิด ก็เพราะว่าเราไปฟังคำซุบซิบนินทา
ไปรับฟังสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องและก็เชื่อในสิ่งเหล่านั้น
พระเจ้าสอนให้เราเชื่อในส่วนดีเอาไว้ก่อน (1คร.13:7) หรือบางคนมีจิตใจที่ไม่ดีเป็นทุนอยู่แล้ว ชอบดูถูกคนอื่น (1ซมอ.17:33, 42-43) มองแง่ลบ มองคนแต่ภายนอก
พระเจ้าสอนให้เรามองที่ภายใน (1ซมอ.16:7) หรือบางครั้งประสบการณ์ในอดีตทำให้เรามีอคติและใจปิด
อย่าติดยึกอยู่กับอดีต จงวางใจในพระเจ้า (สภษ.3:6)
อย่าให้ใจของเรามีอคติ อย่าฟังคำของคนอื่นจนทำให้ใจของเราบอด จงเปิดใจออกยอมรับรู้พระองค์ในทุกทาง
2. อคติทำให้พระพรหาย (ข้อ58)
ทัศนคติเป็นประตูสู่พระพร
เราจะเปิดไปสู่พระพรหรือเราจะปิดประตูก็ขึ้นอยู่กับเรา
เราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของเราให้ถูกต้องอย่างพระเจ้า อย่าเอาทัศนคติหรือมาตรฐานของมนุษย์มาใช้กับพระเจ้าเพราะว่าบางครั้งมันใช้กันไม่ได้
ถ้าใจของเราปิด เราก็ต้องเปิดใจของเราออก เราต้องเอาชนะมันให้ได้
หลายคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วจะเอาชนะได้อย่างไร ประการที่สำคัญก็คือ อย่าด่วนสรุป
เมื่อเราได้ยินอะไรมา หรือได้เห็นอะไรมา
อย่าพึ่งด่วนสรุปว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้
ต้องมีการตรวจสอบสิ่งที่เราได้ยินมา หรือได้เห็นมา
ว่าสิ่งที่เราได้ยินและได้เห็นมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือไม่
โดยการสอบถามจากคนที่เกี่ยวข้อง อย่างมองเพียงแค่ผิวเผิน หรือมองแต่ภายนอก
แต่ให้เรามองที่ท่าทีภายในมากกว่าเนื้อหาเท่านั้น เพราะถ้าใจเราไม่มีอคติแล้ว
พระพรก็จะไหลมาหาเราอย่างมากมาย
ดังนั้นอย่าให้เราเป็นเหมือนอย่างชาวนาซาเร็ธ ที่เปรียบเหมือนใกล้เกลือกินด่าง
เพราะพระพรมาอยู่ต่อหน้าแต่กลับมองไม่เห็นเพราะใจอคติ ไม่เปิดรับพระพร มองแง่ลบ
ติดอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น