สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2011
พระธรรมมัทธิว 7:1-6
พระธรรมตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูได้เทศนาสั่งสอนสาวกของพระองค์กับประชาชนที่บนภูเขา ซึ่งได้สอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในสังคม ซึ่งตอนนี้ได้สอนหลักการประพฤติตัวต่อผู้อื่น ว่าเราควรประพฤติตัวอย่างไร ไม่ว่าเราต้องการให้ผู้อื่นกระทำอย่างไรกับเรา เราก็ควรที่จะกระทำอย่างนั้นกับเขาด้วย ถ้าเราต้องการให้คนรักเรา เราก็ต้องรักคนอื่นด้วยเช่นกัน แต่คนจำนวนมากต้องการให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่ตัวเองต้องเปลี่ยนแปลง ดังนั้นทางที่ดีที่สุดจะต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน เราควรเริ่มที่ตัวเราก่อนอย่างไรบ้างจากพระธรรมตอนนี้เราเห็น 4 ประการ คือ
1. ไม่ตัดสินผู้อื่น (มธ.7:1-2)
พระเยซูบอกว่าอย่ากล่าวโทษผู้อื่น เพราะว่ถ้าเรากล่าวโทษผู้อื่น พระองค์ก็จะทรงกล่าวโทษเราด้วยเช่นกัน เพราะว่าเราเองก็มีข้อบกพร่องเช่นเดียวกับคนอื่นเหมือนกัน เราไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่น แม้เราอาจจะดีกว่าคนอื่นแต่เราก็มีข้อบกพร่องเหมือนกัน เราจึงไม่ควรที่จะไปตัดสินใคร ซึ่งแท้จริงแล้วเราไม่มีหน้าที่ตัดสินคนอื่นเลย เพราะว่าเราไม่ใช่เจ้านายหรือเจ้าของเขา ปล่อยให้เป็นห้าที่ของเจ้านายเขา (รม.14:4) อย่าเป็นเหมือนฟาริสีที่ชอบตัดสินคนอื่น แต่ให้เป็นเหมือนคนเก็บภาษีที่ถ่อมใจลงต่อพระเจ้า (ลก.18:10-14) (1คร.4:5) (ทต.1:9) (1คร.14:29) ดังนั้นเราควรให้ความสนใจที่ตัวเรามากกว่าไปมองที่ความผิดของคนอื่น (รม.14:13)
2. แก้ไขตัวเองก่อน (มธ.7:3-5)
พระเยซูบอกว่าให้เอาไม้ทั้งอนที่อยู่ในตาของตนเองออกก่อน เพื่อตัวเองจะได้เห็นชัดเจน เพราะว่าหลายครั้งเราไปว่าคนอื่น ขณะที่ตัวเราเองยังทำผิดพลาดอยู่ ความผิดที่เราทำก็ไม่ใช่เล็กน้อยเสียด้วยสิ เพราะคำว่า ไม้ทั้งท่อน มันคงต้องใหญ่กว่าผงที่อยู่ในตาคนอื่นอย่างแน่นอน อย่าเป็นเหมือนดาวิดที่ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก (2ซมอ.12:5-6) และแม้รู้ว่าทำผิดแล้วก็ยังขอให้พระเจ้าหันหน้าหนีไปจากความบาปที่ตนเองได้ทำ (สดด.51:9-13) แต่ให้เราพิจารณาตัวเราเองอยู่เสมอ ขอพระเจ้ายกโทษความผิดที่เราได้กระทำ แก้ไข แต่ไม่แก้ตัว ก่อนนอนทุกคืนเราควรสำรวจชีวิตของเราและสารภาพบาปต่อพระเจ้าทุกคืน
3. ช่วยเหลือผู้อื่น (มธ.7:5)
แม้เราจะไม่สมบูรณ์เราสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้ แม้ว่าเราไม่รวยเราก็สามารถที่จะช่วยคนที่ลำบากกว่าเราได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใดเราก็ยังสามารถช่วยคนอื่นได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราสามารถช่วยคนให้ได้รับความรอด การช่วยเหลือของเราต้องทำด้วยใจยินดีและอ่อนสุภาพ (กท.6:1) พระเยซูใช้สติปัญญาและความอ่อนสุภาพช่วยเหลือหญิงล่วงประเวณี (ยน.8:7-11) การช่วยเหลือผู้อื่นจะต้องทำอย่างรอบคอบ และไม่ทำให้เขาเสียหน้า ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม
4. เรียนรู้ว่าควรจะทำสิ่งใด (มธ.7:6)
พระคัมภีร์บอกว่าอย่าเอาของประเสริฐให้แก่สุนัข อย่าโยนไขมุกให้กับหมู ซึ่งให้ความหมายว่าอย่าเอาสิ่งที่เขาไม่ต้องการไปให้เขา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อย่าให้อะไรกับใครในขณะที่เขาไม่ต้องการ เพราะว่าเขาจะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำหรือให้กับเขา (สภษ.9:7-8) หรืออย่าไปสอนคนโง่ (สภษ.23:9) อ.เปาโลเองก็เคยเจอกับเหตุการณ์ทำนองเดียวกันมาแล้ว (กจ.13:45-46) เพราะว่าถ้หากเราไม่ดูเวลาที่เหมาะสมก็จะกลายเป็นปัญหาไปได้ (สภษ.27:14) พระเยซูยังบอกกับสาวกว่า ถ้าใครไม่ต้อนรับท่านเวลาที่ท่านออกจากบ้านเขา ก็ให้สะบัดผงคลีดินที่ติดที่เท้าออกเสีย (มธ.10:14-15) (ฮบ.6:6) (2ปต.2:22) (มธ.12:43-45) ต้องระวังที่จะเรียนรู้ว่าควรทำสิ่งใดก่อนหลัง ให้ถูกเวลาและโอกาส
ดังนั้นต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ถ้าเราต้องการที่จะให้พระเจ้าอวยพรเรา ถ้าเราต้องการชีวิตที่ดีกว่า ให้เราเริ่มต้นที่จะเดินกับพระเจ้าอย่างจริงจัง ไม่ตัดสินคนอื่น ปรับปรุงแก้ไขตัวเองอยู่เสมอ ช่วยเหลือผู้อื่นให้เขาสามารถที่จะลุกขึ้นยืนได้ และเรียนรู้ที่จะทำสิ่งใดๆในเวลาที่เหมาะสม (สามารถที่จะดูเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ดีมากฯ
ตอบลบ