01 เมษายน 2554

ทิ้งชีวิตเก่ารับชีวิตใหม่ ตอนที่1 ชีวิตเก่าที่พระเจ้าไม่พอพระทัย

สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2011

พระธรรม โคโลสี 3:5-11

อ.เปาโล ได้บอกให้เรารู้ว่าเมื่อเราได้กลับใจเชื่อว่างใจในพระเจ้าแล้ว เราได้รับชีวิตใหม่แล้วโดยทางความเชื่อในพระเยซูนั้น ในตอนนี้ อ.เปาโลได้บอกว่าเมื่อก่อนเราเคยอยู่ในโลกียวิสัย คืออยู่ในโลกของกามมารมณ์ หรืออยู่ในฝ่ายของเนื้อหนัง อ.เปาโลใช้คำว่าเมื่อก่อนเราเคย นั่นแสดงว่าปัจจุบันเราออกมาแล้วจากจุดนั้น  ถ้าหากเราไม่ต้องการที่จะถูกลงพระอาชญา เราต้องทิ้งชีวิตเก่า จากพระธรรมตอนนี้ เราต้องทิ้งชีวิตเก่า 3 สิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย คือ
1. การกระทำ (คส.3:5) 
การกระทำอะไรบ้างที่พระเจ้าไม่พอพระทัย มี 3 สิ่งคือ
1.1 การล่วงประเวณี (คส.3:5)
การล่วงประเวณี เป็นความบาปที่มีน้ำหนักเท่ากับ หรือมากกว่าการไหว้รูปเคารพ ซึ่งพระเจ้าจะไม่พอพระทัยอย่างมาก (อพย.20:4-5) อ.เปาโล สั่งว่าอย่าให้คบหา (1คร.5:11) พระเจ้าได้ตั้งกฎเกณฑ์ให้กับประชากรของพระองค์เกี่ยวกับการล่วงประเวณีว่า ถ้าผู้ใดล่วงประเวณีก็ให้เอาหินขว้างให้ตาย (ลวน.20:10-16) แสดงให้เราเห็นว่า การล่วงประเวณีเป็นบาปที่มีความรุ่นแรงอย่างมาก การล่วงประเวณีคือการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนอื่นที่ไม่ใช่สามีหรือภรรยาของตนเอง เราต้องห่างไกลจากความบาปนี้
1.2 การโสโครก (คส.3:5)
การโสโครก หมายถึงการทำสิ่งที่สกปรกโสมม น่าสะอิดสะเอียน เป็นความประพฤติที่ผิดปกติธรรมชาติ รวมทั้งการมีความสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติ (รม.1:26) การโสโครกเปรียบเสมือนการมีผีเข้าสิง ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความสกปรกโสมม สิ่งที่กระทำออกมาก็เต็มไปด้วยความแปดเปื้อน ไม่ว่าทำสิ่งใดๆก็มีความสกปรกโสมม เช่น การกระทำความผิดบาปทางเพศที่ผิดไปจากธรรมชาติ เช่นการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ชายกับชาย หญิงกับหญิง หรือมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ อีกทั้งการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง
1.3 การนับถือรูปเคารพ (คส.3;5)
การนับถือรูปเคารพ หมายถึงการให้สิ่งต่างๆมีความสำคัญเท่ากับหรือมากกว่าพระเจ้า รวมทั้งการกราบไหว้สิ่งต่างๆที่ไม่ใช่คนด้วย เช่นการกราบไหว้ต้นไม้ การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย เพราะว่าคนเหล่านี้ที่นับถือรูปเคารพจะไม่มีสิทธิ์ในแผ่นดินของพระเจ้า (อฟ.5:5) พระเจ้าสั่งไม่ให้ผู้เชื่อทำสิ่งใดๆเป็นรูปเคารพสำหรับตน (อพย.20:23) พระองค์พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่น่าเกรงขาม (วว.9:20) เราต้องยำเกรงพระเจ้า 
นี่คือการการทำ 3 สิ่ง ที่พระเจ้าไม่พอพระทัย เราต้องห่างไกล เพื่อเราจะได้ไม่ต้องถูกพระอาชญาของพระเจ้า
2. ความคิด (คส.3:5)
ความคิดที่ไม่ถูกต้องหรือความคิดที่ไม่ดี เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าไม่ เราต้องทำลายออกไปจากชีวิตของเรา เพราะว่าความคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำของเรา ถ้าเราคิดผิดผลปลายก็ผิดด้วย ความคิดอย่างไรที่พระเจ้าไม่พอพระทัย มี สิ่งด้วยกัน
2.1 ความปรารถนาชั่ว (คส.3:5)
ความปรารถนาชั่ว เป็นความคิดที่อยู่ภายใน เป็นความปรารถนาในสิ่งที่ผิด เป็นความปรารถนาชั่วทั่วๆไป ไม่จำกัดว่าเรื่องใด เป็นความคิดที่ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อตัวเองในที่สุด (1ทธ.6:9) ความปรารถนาชั่ว หรือความคิดที่นำไปสู่ความพินาศ 
2.2 ราคะตัณหา (คส.3:5)
ราคะตัณหาเป็นความคิดหรือความปรารถนาที่เกินขอบเขต หรือเกินว่าจะควบคุมได้ หรือไม่สามารถควบคุมโดยเฉพาะความต้องการทางเพศ อ.เปาโลได้เตือนทิโมธีให้ระมัดระวัง (2ทธ.2:22) โดยให้ใฝ่ใจในทางธรรม  เราต้องระมัดระวัง โดยการพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ (รม.1:4)  ถ้าเราต้องการให้สังคมของเราดี เราต้องนำการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมโดยการประกาศพาคนมารู้จักพระเจ้าให้เค้าได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิต
2.3 ความโลภ (คส.3:5)
ความโลภเป็นความคิดที่อยากจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ มีแล้วต้องการมีอีก หรือมีความอยากไม่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขตจำกัด โดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง จนกลายเป็นความบาป (สภษ.21:26) คนโลภอย่างไรก็ยังโลภอยู่  ความโลภเป็นต้นเหตุของสงคราม (ยก.4:1-2) ความอยาก ความต้องการที่อยู่ภายใน ในที่สุดความโลภก็นำไปสู่ความตาย
2.4 ความโกรธ (คส.3:8)
ความโกรธ เป็นความโมโหที่อยู่ภายในที่มีความรุนแรง และมักจะตามมาด้วยการแสดงออกอย่างรุนแรง ความโกรธในพระคัมภีร์มี 2 แบบ คือ ความโกรธที่ชอบธรรม และความโกรธที่ไม่ชอบธรรมหรือความโกรธที่เป็นบาป พระเจ้าก็เมตตาเรา ให้เราเลิกโกรธก่อนตะวันตกดิน (อฟ.4:26) พระเจ้าต้องการให้เราช้าในการโกรธ (ยก.1:19-20) เราต้องควบคุมตัวเอง
2.5 ความขัดเคืองใจ (คส.3:8)
ความขัดเคืองใจ เป็นอาการของความไม่พอใจที่อยู่ภายใน มักจะมีอาการหงุดหงิด กระฟัดกระเฟียด อาการแบบนี้เป็นอาการของคนที่ยังไม่กลับใจใหม่ (1คร.3:3) คนที่เชื่อพระเจ้าและมีผลพระวิญญาณจะสามารถควบคุมได้
2.6 การคิดปองร้าย (คส.3:8)
การคิดปองร้ายเป็นท่าทีในใจที่ไม่ดี หมายถึง วิญญาณที่มุ่งร้ายต่อผู้อื่น มีใจอาฆาตผู้อื่น การให้ร้ายคนอื่น เป็นผลมาจากการมีความคิดที่ต้องการปองร้ายคนอื่น พระเยซูเปลี่ยนชีวิตเราแล้วโดยการให้อภัย โดยการรักคนอื่นเหมือนที่พระเจ้ารักเรา ให้เราอภัยเหมือนที่พระเจ้าให้อภัยเรา
3. การพูด (คส.3:8-9)
การพูดเป็นเหมือนดาบ คม ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์หรือก่อให้เกิดโทษก็ได้ บางครั้งคำพูดหรือการพูดของเราทำร้ายคนอื่นก็ได้ เราจะมาดูว่าการพูดอย่างไรที่พระเจ้าไม่พอพระทัย
3.1 การพูดให้ร้าย (คส.3:8)
การพูดให้ร้ายคือการพูดถึงคนอื่นในทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการเข้าใจผิด หรือทำให้คนอื่นถูกลงโทษ หรือทำให้เกิดความบาดเจ็บ การพูดให้ร้ายรวมถึงการพูดเสียดสีด้วย (อฟ.4:31) เมื่อเรากล่าวโทษเขาอย่างไร พระเจ้าก็จะกล่าวโทษท่านอย่างนั้น (มธ.7:2) เมื่อเราให้เขาอย่างไร พระเจ้าก็จะให้กับเราอย่างนั้น (ลก.6:38)
3.2 การพูดคำหยาบ (คส.3:8)
การพูดคำหยาบ หรือการพูดหยาบโลน เป็นการพูดที่ไม่สุภาพ ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า การพูดหยาบโลน รวมถึงการพูด 2 แง่ 2 มุม  พระเจ้าจึงห้ามคนของพระเจ้าไม่ให้เราพูดหยาบคาย (อฟ.5:4) พระเจ้าให้เราขอบคุณพระเจ้าแทนการพูดจาหยาบคาย (1ธส.5:18) จงให้คำหยาบคายห่างไกลไปจากปากของเราเถอะครับ
3.3 การพูดโกหก (คส.3:9)
การพูดโกหก คือการพูดไม่ตรงตามความจริง พูดบิดเบือน รวมถึงการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว การพูดโกหกหลอกลวงพระเจ้าจะลงโทษ เราเห็นตัวอย่างของอานาเนียกับซัฟฟีรา ที่โกหกพระเจ้า (กจ.5:1-5) อะไรจริงก็ว่าจริง (มธ.5:37) พระเจ้าต้องการให้เราทิ้งตัวเก่าให้หมดสิ้น 
เราได้เห็น 3 สิ่งที่พระจ้าไม่พอพระทัย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ความคิดที่ไม่ถูกต้อง และการพูดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราถูกพิพากษาลงโทษได้

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น