21 เมษายน 2555

เตรียมตัวไปค่าย

สวัสดีทุกท่านครับ
หลายท่านกำลังเตรียมตัวไปค่ายกันแล้ว คริสตจักรแห่งสันติภาพก็กำลังเตรียมตัวไปค่ายด้วยเช่นกันครับ ปีนี้เราจัดที่หาดหฤทัย อ.ชะอำ ก่อนถึงหัวหินประมาณ 8 กม. ในวันที่ 28-30 เมษายน หัวข้อค่ายของเราปีนี้ คือ "เติบโตไปด้วยกัน"  หากพี่น้องท่านใดผ่านไปแถวนั้นไปแวะไปทักทายพวกเราบ้างนะครับ ยินดีต้อนรับพี่น้องทุกท่าน พวกเราหวังว่า พระเจ้าจะทรงนำเราให้เติบโตขึ้นในทางของพระเจ้า อย่างแน่นอน

ขอพระเจ้าทรงสถิตย์อยู่กับพี่น้องทุกท่านครับ

คนใหม่ในพระคริสต์


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2012

พระธรรม 2 โครินธ์ 5:17
พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ว่าจะเป็นคนใหม่ เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ สิ่งเก่าๆที่ไม่ดีก็หลุดล่วงไป ชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งเป็นความจริงที่เราทั้งหลายสามารถสัมผัสและเห็นได้จากชีวิตของเรา แม้ว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างที่พระเจ้าอยากให้เป็นก็ตาม อะไรที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากพระธรรมตอนนี้ เราเห็นเงื่อนไขที่สำคัญ 2 ประการคื
1. ใกล้ชิดพระเจ้า
พระคัมภีร์บอกว่า “ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์” การอยู่ในพระคริสต์คือการที่เราได้เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า เราใกล้สิ่งใดเราก็จะเป็นเหมือนสิ่งนั้น เราอยู่คนที่ร้อนรนเราก็ร้อนรน เราอยู่ใกล้คนที่รักพระเจ้าเราก็จะรักพระเจ้าไปด้วย พระคัมภีร์จึงบอกว่า ใครก็ตามที่อยู่ในพระคริสต์ก็จะเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ ดังนั้นถ้าเราต้องการที่จะได้รับการสร้างใหม่ เราจะต้องนำชีวิตของเราเข้ามาอยู่ใกล้ชิดพระเจ้า เมื่อเราก็ตามถ้าเราห่างจากพระเจ้าผู้สร้างเราก็ไม่ได้รับการสร้าง จงอย่าวิ่งหนี้พระเจ้า แต่จงเข้ามาใกล้ชิดพระเจ้า เพื่อเราจะได้รับการสร้างชีวิตใหม่ให้มีความสวยงาม พร้อมที่จะนำออกมาอวดสู่สายตาของคนทั่วไป
2. ยอมรับการสร้าง
ไม่เพียงแต่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สร้าง เราต้องยินดีรับการสร้างชีวิตด้วย ถ้าเราไม่ยินดีที่จะรับการสร้าง ผู้สร้างก็ไม่สามารถสร้างเราได้ เราต้องยินดีที่จะยอมเสียสละบางอย่าง เพื่อผู้สร้างจะได้สร้างเราได้อย่างปราณีต เราเคยเห็นน้ำแข็งแกะสลักรูปร่างต่างๆ ล้วนแต่มีความสวยงามทั้งสิ้น แต่ก่อนที่ก้อนน้ำแข็งทรงสี่เหลี่ยม จะออกมาเป็นรูปร่างสวยงามอย่างที่เห็น ก้อนน้ำแข็นก้อนนั้นจะต้องยอมให้ช่างแกะสลักลงเครื่องมือแกะสลักก่อน และยอมที่จะสูญเสียน้ำแข็งบางส่วนออกไป ถ้าหากก้อนน้ำแข็งไม่ยินยอมก็จะไม่ได้ก้อนน้ำแข็งแกะสลักที่สวยงามเช่นกัน จงยอมรับการสร้างชีวิตจากผู้สร้าง จงอย่าขัดขืน

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

07 เมษายน 2555

ศุกร์ประเสริฐ

ศุกร์ประเสริฐ คือ วันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงสิ้นพระชนม์ที่กางเขน เป็นวันที่สาวกมากมายต่างก็เศร้าโศกเสียใจที่ต้องสูญเสียอาจารย์อันเป็นที่พึ่งของพวกเขา เป็นความหวังของสาวกและคนมากมาย รวมทั้งอาจเป็นความอับอายของสาวกบางคน แต่ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจนั้น กับกลายเป็นความสว่างของผู้เชื่อ เพราะการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์นั้นเป็นการไถ่บาปให้กับทั้งโลกนี้ ถ้าหากไม่มีวันนั้น เราเองก็ต้องพึ่งพากำลังของเราเอาในการเอาตัวรอดจากบึงไฟนรก แต่เชื่อแน่เลยว่าไม่มีใครรอดจากบึงไฟนรกได้แม้แต่คนเดียว เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า ถ้าหากเราทำผิดธรรมบัญญัติข้อหนึ่งข้อใดก็เท่ากับเราทำผิดหมดทุกข้อ ดังนั้นไม่ว่าเราจะทำดีมากมายแค่ไหนก็ตาม เราก็มีโอกาสทำผิดได้ ยิ่งเราทำมากก็ยิ่งมีโอกาสผิดมาก แต่เพราะความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราอย่างมากมายเช่นกัน พระองค์ได้ส่งพระเยซูคริสต์ ซึ่เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาตายเพื่อไถ่บาปให้กับเรา (ยน.3:16) เราจึงไม่ต้ืองใช้กำลังหรือความพยายามของเราในการทำความดี แต่เราได้รับพระคุณของพระเจ้าที่ช่วยเราให้พ้นจากพระอาชญาของพระองค์

ศุกร์ประเสริฐจึงเป็นวันที่ผู้เชื่อต่างไปนมัสการและระลึกถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราทั้งหลาย รอยแผลเฆี่ยนที่พระองค์ได้รับ รอยตะปูที่ตอกลงบนข้อมือและที่เท้าของพระองค์ รอยแผลที่สีข้างของพระองค์ อีกทั้งร่องรอยของมงกุฎหนามบนศีรษะของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราหลายได้เป็นไท หลุดพ้นจากพระอาชญาของพระองค์ จึงเป็นค่ำคือแห่งความชื่นชมยินดี เป็นค่ำคืนแห่งความสุข ความหวัง กำลังใจ ให้กับเราทั้งหลายผู้เป็นสาวกของพระองค์ ความจริงแล้วทุกวันควรเป็นวันศุกร์ประเสริฐสำหรับเราทั้งหลาย เพื่อเราจะไ้ด้ระลึกถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา

ศุกร์ประเสริฐมีผลกับชีวิตของท่านมากน้อยเพียงใด ท่านได้ทำอะไรบ้างในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่านระลึกถึงความรักและรอยแผลของพระองค์หรือเปล่า ท่านต้องตอบตัวท่านเอง และจงระลึกถึงความรักที่พระองค์ทรงมีต่อท่าน จงรักพระเจ้าเหมือนที่พระเจ้าทรงรักท่าน

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

คำกำชับต่อสาวก

สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2012

พระธรรมมัทธิว 10:16-42
พระธรรมตอนนี้เป็นคำกำชับของพระเยซูที่ให้ไว้กับสาวกของพระองค์ ก่อนที่พระองค์จงส่งพวกเขาออกไปทำพันธกิจที่พระองค์ทรงเรียก คือ ออกไปประกาศแผ่นดินของพระเจ้า รักษาคนเจ็บคนป่วยให้หาย ขับผีร้ายให้ออก ซึ่งการออกไปทำพันธกิจของพระเจ้านั้น เปรียบเสมือนการออกไปสู่สงคราม ซึ่งจะต้องเผชิญกับแรงกดดัน และปัญหาต่างๆ มากมาย เพื่อไม่ให้สาวกของพระองค์ท้อถอยและหมดกำลังใจไปก่อน พระองค์จึงกำชับสาวกให้ออกไปอย่างผู้มีชัย คำกำชับของพระเยซู คือ
1. อย่าวิตกกังวล (มธ.10:17-20)
การไม่วิตกกังวลเป็นดัชนีชี้วัดความไว้วางใจพระเจ้า ถ้าหากเราไม่วิตกกังวลแล้ว เราจะสามารถที่จะควบคุมจิตใจของเราได้ เราจะสามารถเผชิญสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่หวั่นไหว ความวิตกกังวน ไม่อาจทำให้ชีวิตของเรายืดยาวออกไปได้ (มธ.6:27) ความวิตกกังวนมักทำให้เราเห็นสิ่งเล็กๆ กลายเป็นเงาดำที่ใหญ่โต อย่าวิตกกังวนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้เราวางใจในพระเจ้า ผู้ทรงรักเราอย่างมาก พระองค์จะทรงโปรดดูแลเราอย่างดี พระองค์จะทรงประทานสติปัญญาให้กับเรา (มธ.10:19-20) พระองค์จะทรงช่วยเราในยามที่เรารู้สึกว่าเราหมดหนทางแล้ว (กจ.5:27-40) ให้เรามอบความวิตกกังวนไว้กับพระเจ้า (1ปต.5:7) จงวางใจในพระเจ้าเสมอ
2. จงอดทน (มธ.10:21-27)
ความอดทนเป็นดัชนีวัดการเป็นสาวกแท้ของพระเยซูคริสต์ พระองค์บอกว่า ใครทนได้ถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด เราต้องฝึกสร้างความอดทน เพราะความอดทนสามารถสร้างขึ้นได้ พ่อแม่ที่ฉลาดนอกจากจะสอนรู้ให้มีความรู้แล้วยังต้องสอนลูกให้มีความอดทนอีกด้วย พระคัมภีร์บอกว่า บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก (สภษ.16:32) คนที่โกรธช้าคือคนที่ควบคุมตัวเองได้ พระองค์สอนให้เราอดทนอย่างมีความหวังใจเสมอ ไม่ใช่อดทนอย่างไร้ความหวัง (มธ.10:21-23) และเมื่อเราอดทนเราก็จะเกิดความเข้าใจ (มธ.10:24-27) ความอดทนจะช่วยเราให้เรียนรู้ความจริงและมองเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจงอดทนในทุกสิ่ง
3. อย่าตกอยู่ใต้ความกลัว (มธ.10:28-33)
ความกลัวไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ดีเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าเรากลัวอะไร ความกลัวบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ดี เช่นกลัวการทำผิดบาป เป็นต้น พระคัมภีร์สอนเราว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่จงยำเกรงพระองค์องค์ซึ่งทำให้จิตวิญญาณพินาศได้ จงยำเกรงพระเจ้าผู้ทรงควบคุมทุกสิ่งไว้ ถ้พระองค์ไม่ทรงอนุญาตสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าพระเจ้าจะให้ใครก็ขัดขวางไม่ได้เช่นกัน เราเป็นคนที่มีคุณค่าในสายตาของพระเจ้า พระองค์สนใจเราแม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งบางครั้งเราเองก็ยังไม่เคยให้ความสนใจกับสิ่งนั้นเลย (มธ.10:30) เราต้องกล้าที่จะยอมรับความพระเจ้าต่อหน้าคนทั้งปวง (มธ.10:32-33) เพราะพระองค์ก็จะทรงกระทำเช่นนั้นต่อพระบิดาที่ทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ จงรู้เถอะว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่ทรงมีชัยชนะเหนือโลกนี้ (ยน.16:33) ยิ่งเรากลัวเรายิ่งวิ่งหนี มันก็ยิ่งไล่ตามเรา และในที่สุดเราก็ล้มลง ดังนั้นจงอย่ากลัว จงวางใจในพระเจ้า
4. จงเห็นคุณค่าพระเจ้า (มธ.10:34-42)
การเห็นคุณค่าพระเจ้าเป็นดัชนีชี้วัดการเป็นสาวกได้เป็นอย่างดี สาวกคือผู้ที่ติดตาม ผู้ที่ทำตาม พระเยซูบอกว่า พระองค์ไม่ได้นำสันติภาพมาสู่โลก แต่ได้นำดาบมา นั่นไม่ได้หมายความว่า พระองค์นำการทำลายล้างมา แต่พระองค์กำลังส่งบททดสอบมาให้กับสาวกของพระองค์ ว่า สาวกคนนั้นจะเลือกสิ่งใด ระหว่างพระเจ้ากับความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด (มธ.10:34-37) หรือว่าพระเจ้ากับคชตัวเอง (มธ.10:38-42) ซึ่งเป็นเครื่องทดสอบจิตใจของเราเป็นอย่างดีว่าเราจะเลือกพระเจ้าที่ทรงตายเพื่อเราหรือว่าเราจะเลือกสิ่งต่างๆ ที่ไม่เที่ยงแท้ เราต้องเลือกตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง เราต้องเห็นคุณค่าพระเจ้ามากกว่าสิ่งใดๆ เพื่อพระเจ้าจะทรงประทานความสำเร็จให้กับเราทั้งหลายผู้เป็นสาวกของพระองค์

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

02 เมษายน 2555

เข้าเว็บไซท์คริสตจักรไม่ได้

เรียนทุกท่าน

เนื่องจากขณะนี้เว็บไซท์ของคริสตจักร (www.churchofpeace2010.org) ติดไวรัส ต้องทำการแก้ไขกำจัดไวรัสออกไปก่อน จึงต้องทำการปิดซ่อมชั่วคราว

จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ ที่ทำให้ไม่สามารถเข้าไปดูได้ ทีมงานของเรากำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างรีบด่วน แต่เนื่องจาก เว็บไซท์ของเรามีข้อมูลมาก และมีความซับซ้อนพอสมควร จึงอาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ไข เพื่อให้กลับมาเป็นพระพรกับพี่น้องทุกท่านดังเดิม

ในขณะที่เว็บไซท์กำลังดำเนินการซ่อมแซมอยู่นั้น พี่น้องทุกท่านสามารถที่จะติดตามข่าวสาร และสรุปคำเทศนาประจำสัปดาห์ได้ที่ Blog นี้ครับ

โปรดอธิษฐานเผื่อพวกเราด้วย

ขอพระเจ้าอวยพรครับ