29 สิงหาคม 2554

แม่ที่ดี...ของพระเจ้า


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2011

พระธรรม 1 ซามูเอล 1:1-20

ในพระคัมภีร์ตอนนี้ก็ได้พูดถึง แม่คนหนึ่งที่เป็นแม่ที่ประสบความสำเร็จ เพราะว่า เธอเลี้ยงดูลูกและสร้างลูกไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ลูกของเธอเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรพระเจ้า นั่นคือ ซามูเอล  ผู้ที่รับการเจิมจากพระเจ้าตั้งแต่เด็ก และเป็นคนที่มีชีวิตที่ดี เป็นที่น่านับถือของคนตลอดชีวิต ไม่มีตำหนิหรือมัวหมองในประวัติส่วนตัว เขาเป็นคนสัตย์ซื่อในการทำงานตลอดชีวิต

ถ้าเราอยากเป็นแม่ที่ดีและประสบความสำเร็จ เราต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แม่มีอิทธิพลสูงมากต่อลูก เพราะจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดลูกมากที่สุดตั้งแต่เกิด ดังนั้น แม่จึงควรจะดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า เพราะจะมีผลต่อชีวิตของลูกอย่างมาก แม่ต้องใส่สิ่งที่ดีและความคาดหวังที่ดีลงไปในชีวิตของลูกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แม่เป็นบุคคลที่มี 2 บทบาทในตัว คือ เป็นทั้งภรรยาของพ่อและเป็นแม่ของลูก แม่ที่ดีก็ต้องมาจากการเป็นภรรยาที่ดีก่อน คนที่เป็นภรรยาที่ไม่ดีก็จะทำบทบาทแม่ที่ดีได้ยาก

เราสามารถเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีจากพระคัมภีร์ตอนนี้ได้ โดยดูจากนางฮันนาห์ ผมจะให้ชื่อคำเทศนาตอนนี้ว่า “แม่ที่ดี...ของพระเจ้า” เธอเป็นอย่างไร เราเห็นอย่างน้อย 4 ประการ คือ

1. แม่ที่มั่นคงในพระเจ้า (1ซมอ.1:3) 
ครอบครัวนี้ไปนมัสการพระเจ้าทุกปีตามเทศกาลที่กำหนดไว้เป็นประจำ อย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด แสดงว่าเขามั่นคงในการเดินกับพระเจ้า แต่เราก็พบว่า ครอบครัวนี้ก็มีปัญหาบางสิ่งบางอย่าง คือ มีภรรยา 2 คน ซึ่งสมัยนั้น เป็นสิ่งที่คนทำผิดกันในสังคมทั่วๆ ไป แต่สิ่งที่นางฮันนาห์และครอบครัวพยายามทำ ก็คือพยายามเดินติดตามพระเจ้าอย่างสุดความสามารถ เธอพยายามทำตามพระคัมภีร์สุดกำลัง ไม่อ้างความไม่สมบูรณ์ หรือเหตุผลที่จะไม่เดินติดตามพระเจ้า แม่ที่ดี ต้องมีความมั่นคงในความเชื่อ ในการเดินกับพระเจ้า แม้มีอุปสรรคปัญหาต่างๆ ก็ตาม ต้องไปกับพระเจ้าอย่างสุดใจ ไม่หนีจากพระเจ้าไป เมื่อยิ่งมีปัญหายิ่งต้องยืนหยัดติดตามพระเจ้า ถ้าแม่มีความมั่นคงในความเชื่อ ลูกจะแข็งแรงในความเชื่อด้วย ถ้าแม่ไม่มั่นคง ลูกก็จะอ่อนแอฝ่ายวิญญาณและหลงหายในที่สุด นี้คือสิ่งแรกที่แม่ที่ดี จะต้องมี คือ มีความมั่นคงในพระเจ้า

2.แม่ที่มีความอดทน (1ซมอ.1:6-7)
ครอบครัวนี้มีปัญหามากมายในฝ่ายธรรมชาติ สาเหตุมาจากการที่เขาไม่ได้เดินตามหลักการของพระเจ้าอย่างครบถ้วนนั่นเอง แต่นางฮันนาห์ก็อดทน เธอไม่ตอบสนองผิด หรือหนีปัญหา เธอรู้ว่านั่นเป็นความบาปที่เกิดขึ้นในสังคมในสมัยนั้น จนคนรู้สึกว่าเป็นสิ่งปกติ เรียกว่า นำมาอยู่ด้วยกันในบ้านเลย เหมือนยาโคบ เธอเข้าใจโลกแห่งความบาป  สังคมของคนบาป เธอตัดสินใจอดทน และพยายามที่จะประคองครอบครัวให้อยู่ได้อย่างมั่นคง แม้จะยากลำบากก็ตาม ความจริงสิ่งนี้จะมีปัญหาน้อยลง ถ้าเราเลือกคู่แต่งงานของเราอย่างรออบคอบและพิถีพิถัน โดยการพึ่งพาพระเจ้า เลือกคนที่รักพระเจ้า ดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า แม่ที่ดี ต้องอดทนต่อความไม่สมบูรณ์ของครอบครัว ของลูก ของสามี อดทนจนเห็นผลและมีพลังเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้น แม่ที่หนีปัญหา ไม่อดทน ไม่รับผิดชอบ จะเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ แม่ที่ดี ต้องอดทนในการทำงานหนัก เพื่อให้ลูกได้รับสิ่งที่ดี และอยู่ในบ้านที่สงบสุข นี่คือแม่ที่ดี ประการที่ 2 คือ มีความอดทน

3. แม่ที่พึ่งพาพระเจ้า (1ซมอ.1:10-13)
นางฮันนาห์ รู้ว่าทางออกของปัญหาครอบครัว คือ การพึ่งพาพระเจ้าโดยการอธิษฐานขอกับพระเจ้า นางจึงไปในพระวิหารของพระเจ้า แม่ที่ดี ต้องมีความหวังอยู่เสมอ ต้องรู้ว่าความหวังที่แท้จริงอยู่ในพระเจ้าเท่านั้น และรู้ว่าคำตอบของปัญหาอยู่ที่การพึ่งพาพระคุณของพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การอดอาหาร การเข้าเฝ้าพระเจ้า ในที่สุดพระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเธอ และทำให้ปัญหาของเธอหมดไป ปัญหาของนางฮันนาห์คือ นางไม่มีลูกให้กับสามีของเธอ แม้ว่าสามีของเธอจะรักเธอมากก็ตาม เราจะเป็นแม่ที่ดีได้ เราต้องเป็นแม่ที่อธิษฐานพึ่งพาพระเจ้าอยู่เสมอ มิใช่แค่อดทน นั่งรอเวลาว่าสักวันหนึ่งอะไรๆ มันจะดีขึ้นเท่านั้น แต่ต้องอธิษฐานพึ่งพาการช่วยเหลือจากพระเจ้า เธอได้อธิษฐานอย่างเจาะจงขอลูกจากพระเจ้า เพื่อปัญหาแรงกดดันที่เธอได้รับจากการเยอะเย้ย ยั่วเย้าของภรรยาอีกคนหนึ่งจะหมดไป คำอธิษฐานของแม่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ในครอบครัวได้ คำอธิษฐานของแม่จะทำให้ชีวิตของลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเกิดขึ้น แม่ที่ดี จึงต้องเห็นคุณค่าการอธิษฐาน และไม่ลืมอธิษฐานเผื่อสามี และลูกๆ อยู่เสมอๆ ซึ่งจะมีอิทธิพลและมีพระพรมากกว่ายิ่งกว่าการบ่น นี่คือ แม่ที่ดีประการที่ 3 คือ แม่ที่พึ่งพรพระเจ้า

4. แม่ที่สนับสนุนลูกในทางพระเจ้า (1ซมอ.1:11)
เมื่อนางฮันนาห์อธิษฐาน เธอก็ได้บนไว้กับพระเจ้าว่า นางจะถวายบุตรของนางไว้แด่พระเจ้าตลอดชีวิตของเขา
เพราะเธอรู้ว่า ถ้าถวายลูกให้พระเจ้า พระองค์จะดูแลเขาได้ดีกว่าเธอดูแล เพราะพระเจ้าสร้างคนได้ดีเลิศกว่า การพาเด็กเข้าคริสตจักร และให้คริสตจักรช่วยสร้างชีวิตเขา ก็จะไม่มีทางเสียคน เพราะมีแต่บรรยากาศที่ดีกว่าสังคมข้างนอก มีระบบคำสอน ความสัมพันธ์ ผู้นำที่รับผิดชอบชีวิตสมาชิกอยู่ คอยดูแล ให้คำปรึกษา แก้ไขชีวิตของเขา นางฮันนาห์ได้เอาซามูเอลไปมอบให้กับเอลี คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเธอคิดว่า ถ้าลูกอยู่ภายใต้พระเจ้า คริสตจักร ผู้นำ จะไม่มีทางหลงหายหรือล้มเหลว หรือถูกสังคมชักนำไปสู่ทางอบายมุขได้เลย ดังนั้น แม่ที่ดีนจะต้องส่งเสริมลูกให้ไปในทางที่ดี และทางที่ถูกต้องนั่นคือส่งเสริมลูกในทางของพระเจ้า จะเป็นทางที่เสริมสร้างและพัฒนาเขา และทางที่สมดุลย์จริงๆ มิใช่แค่ความรู้ แต่ต้องมีลักษณะชีวิตที่ดีด้วย แม่ที่ดี ต้องส่งลูกเข้าคริสตจักรเด็ก เพื่ออนาคตจะถูกปูพื้นฐานความเข้าใจในทางของพระเจ้า แม่ที่ดี ต้องส่งเสริมลูกให้ผูกพันตัวกับคริสตจักร เพื่อจะรับการเลี้ยงดูฝ่ายวิญญาณ เพื่อช่วยอีกแรงหนึ่งในการสร้างและแก้ไขชีวิตลูกของเรา แม่ที่ดี ต้องส่งเสริมลูกให้รับใช้พระเจ้า เพราะการรับใช้จะทำให้เขามีคุณค่า และพัฒนาความเป็นผู้นำของเขา ทำให้เขาเติบโต และเป็นผู้ใหญ่ที่มีใจเสียสละ ใจถ่อม ใจรับใช้พระเจ้า ใจนบนอบต่อสิทธิอำนาจ แม่ที่ดี ต้องตีสอนลูก แก้ไขนิสัยที่ผิดๆ ของลูก ไม่ใช่ตามใจ หรือเกรงใจลูกจนเสียคน ไม่ส่งเสริมลูกไปในทางที่ผิดๆ อะไรที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง พ่อแม่ที่ดี ย่อมส่งเสริมลูกๆ ให้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่

พ่อแม่ฝ่ายวิญญาณที่ดี จะต้องส่งเสริมสนับสนุนพาลูกแกะมาโบสถ์ เดินในทางของพระเจ้า ถ้าเราต้องการเห็นลูกแกะเราเติบโตขึ้นในทางของพระเจ้า เราจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกแกะของเรา เราต้องสนับสนุนลูกแกะของเราให้มีส่วนในการรับใช้พระเจ้า สอนให้เขาสัตย์ซื่อในการเดินติดตามพระเจ้า เราต้องเดินนำหน้าแกะของเรา เราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับแกะ

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

27 สิงหาคม 2554

รากฐานที่มั่นคง


 สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2011

พระธรรม มัทธิว 7:24-29

พระธรรมตอนนี้เป็นส่วนสุดท้ายของคำเทศนาบนภูเขา ซึ่งเป็นส่วนที่พระเยซูท้าทายผู้ฟังให้ตอบสนองต่อคำสอนทั้งหมดที่พวกเขาได้ยินไปอย่างเป็นรูปธรรม กุญแจสำคัญ คือ การตอบสนอง ไม่ใช่ได้ยินแล้วรู้สึกดี รู้สึกแปลบปลาบใจ แต่กลับปล่อยผ่านไป ไม่นำไปประพฤติตาม พระเยซูใช้ภาพเปรียบเทียบรากฐานของบ้าน 2 ชนิด ซึ่งเปรียบถึงรากฐานชีวิต 2 แบบ ซึ่งแบบหนึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคง ทำให้บ้านคงทนอยู่ได้ รากฐานที่มั่นคง จะเกิดขึ้นได้อย่างไรและผลจะเป็นอย่างไร จากพระธรรมตอนนี้ ได้ชี้ให้เราเห็นถึงวิธีการที่จะทำให้รากฐานของชีวิตและผลเอาไว้ 3 ประการ คือ

1. สร้างบนพระวจนะ (7:24, 26)
“ผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม” พระเยซูกล่าวย้ำหลังจากสอนประชาชนในหลายประเด็นว่า เมื่อได้ยินแล้วต้องประพฤติตาม ก่อนหน้านี้พวกประชาชนได้ฟังมาหลายเรื่องด้วยกัน พวกเขารู้สึกอัศจรรย์ใจกับคำสอนนั้น  เขารู้สึกแปลบปลาบใจ และเงี่ยหูฟังต่อไปด้วยใจจดจ่อ คำสอนของพระเยซูนั้นช่างแตกต่างกับคำสอนที่พวกฟาริสีเคยสอน คำสอนของพระเยซูได้สะกดผู้ฟังให้ฟังด้วยความแปลบปลาบใจได้นานทีเดียว แต่ในช่วงสุดท้าย พระเยซูได้ย้ำกับผู้ฟังว่า ต้อง “ฟัง” และนำไปขบคิดปรับเปลี่ยนชีวิตตามพระวจนะนั้น เราต้องมีท่าทีที่ปรารถนาจะทำตามพระวจนะนั้นอย่างจริงใจ  อย่าฟังเพียงเพื่อให้จบๆ ไปเท่านั้น หรือฟังแทนคนอื่น (ยก.1:22-24) ฟังแล้วไม่ทำตามก็ไร้ผล (ยก.2:26) เมื่อพระวจนะของพระเจ้าบอกไว้อย่างไรให้เราทำตามอย่างนั้นแล้วพระพรจะมาถึงชีวิตของเรา

2. ผ่านการทดสอบ (7:25, 27)
พระคัมภีร์บอกว่า เมื่อฝนตกหนักน้ำก็ไหลเชี่ยว ในปาเลสไตน์ ขึ้นชื่อในเรื่องฝนและลมที่รุนแรง ซึ่งมักทำให้น้ำท่วมฉับพลันและสร้างความเสียหายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งพระเยซูใช้ภัยจากน้ำท่วมและลมที่รุนแรงนี้ สะท้อนการทดสอบที่จะมาถึงชีวิตคริสเตียนในวันหนึ่ง ชีวิตจริงของคริสเตียนจะต้องเผชิญการทดสอบ ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นรากฐานของชีวิตเราว่าตั้งอยู่บนอะไร อยู่บนพระพรหรือ  ชีวิตของเราต้องผ่านการทดสอบ และเป็นการสอบผ่านอย่างดี  เมื่อผ่านบททดสอบนไปได้แล้ว เราจะเป็นคนที่มีความเชื่อที่เข้มแข็ง เป็นคนที่ดีพร้อม (ยก.1:2-4)  การทดลองที่เกิดกับเรานั้นก็เคยเกิดกับคนอื่นมาแล้ว (1คธ.10:13)

3. ส่งผลที่ดี (7:25, 27)
พระเยซูเปรียบเทียบชนิดของรากฐานของบ้านไว้ 2 ชนิด คือ “บนศิลา” กับ “บนทราย” บ้านทั้งสองหลังนี้ อาจจะใช้เวลาการสร้างแตกต่างกัน มีความยากง่ายต่างกัน และผลลัพธ์ก็ต่างกันด้วย หากเราสร้างบ้านให้มีเสาและคานแข็งแรงคงทน แต่ละเลยความแข็งแรงของรากฐานของบ้าน  หลายคนพยายามเรียนสูงๆ สะสมเงินมากๆ มีธุรกิจที่ใหญ่โต แต่ปลายทางของชีวิตจะไปอยู่ที่ไหน ตายแล้วจะไปอยู่ที่ใด รากฐานจึงเป็นสิ่งแรกที่เราต้องพิจารณา เราจะเลือกใครเป็นแฟนสักคน หรือคิดจะแต่งงานกับใครสักคน เราต้องเลือกคนที่เค้ามีรากฐานแห่งพระวจนะ ไม่ใช่ดูว่าหล่อ สวย รวยทรัพย์  ความเชื่อ หากตั้งอยู่บนความชอบธรรมที่ได้มาโดยการประพฤติ ก็จะนำไปสู่การปรักปรำฟ้องผิด เมื่อทำไม่ได้ตามกฎจริยธรรม แต่หากตั้งอยู่บนความชอบธรรมที่ได้รับจากพระคุณพระเจ้า นั่นก็จะนำเราไปสู่เสรีภาพและความร่าเริงยินดี พระเจ้าเป็นรากฐานที่มั่นคงของชีวิต (คส.2:7) ให้เราหยั่งรากฐานชีวิตของเราอยู่ในพระเยซูสิครับ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

12 สิงหาคม 2554

แม่

"แม่"
เป็นคำสั้นๆ
แต่มีความหมายอย่างมาก

แม่ไม่เพียงแต่เป็นผู้ให้กำเนิด แต่ยังเป็นผู้ที่ให้ความรัก ความอดบอุ่นกับลูก แม่ยอมอดทนทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้ดี แม่ยอมอดเพื่อให้ลูกอิ่ม แม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกสบาย แม่ยอมให้กับลูกเสมอ แม่คอยทะนุถนอม เรียกได้ว่า ยุงไม่ให้ไต ไรไม่ให้ตอม แม่อดหลับอดนอนยามที่ลูกไม่สบาย แม่ทุกข์ทรมานเมื่อเห็นลูกเจ็บป่่วย แม่ค่อยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา แม่คนเดียวเลี้ยงดูลูกได้หลายคน

แม่หาเงินเพื่อส่งเสียลูกให้ได้เรียนหนังสือ เพื่อหวังว่าวันหนึ่งเมื่อลูกเติบโตขึ้นมาจะได้ไม่ลำบากเหมือนแม่ แม่ต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดีกว่าที่แม่เป็นอยู่ ต้องการให้ลูกได้เรียนสูงๆ ทำงานดี มีครอบครัวที่

แต่หลายบ่อยครั้งที่ลูกไม่เข้าใจความตั้งใจดีของเเม่ บ่อยครั้งที่ลูกทำร้ายจิตใจของเเม่ ไม่สนใจสิ่งที่แม่พร่ำสอนสั่ง บ่อยครั้งที่ลูกทิ้งแม่ไว้เพียงลำพัง มีสักกี่ครั้งที่ลูกด่าว่าแม่ด้วยความโมโห

พอเถอะครับ เราทำร้ายแม่มามากแล้ว วันนี้ให้เราทำสิ่งดีดีให้กับแม่ แม้ว่ามันจะไม่สามารถลบล้างความผิดที่เราทำเอาไว้กับแม่ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำสิ่งที่ดีให้กับแม่

หยุดเถอะครับ สำหรับความว้าเหว่ที่เรามอบให้เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ให้เราใช้เวลากับแม่อย่างมีคุณค่า ให้ความรัก ความอบอุ่นกับท่านเหมือนที่ท่านเคยให้กับเรา ไปเยี่ยมท่านสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี หรือหากท่านอยู่ต่างจังหวัดโทรหาท่านสัปดาห์ละครั้งก็ยังไหว ไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ ก่อนที่ท่านจะไม่ได้อยู่ให้เราไปเยี่ยม

ให้เราหันกลับมามองดูสักนิดว่า เราทำอะไรให้กับแม่ของเรามากน้อยเพียงใด ผมไม่อยากบอกว่า เราทำสิ่งดีดีให้กับเพื่อนของเรา เราใ้ห้เวลากับเพื่อนของเรา เราให้ความช่วยเหลือกับเพื่อนของเรา มากกว่าให้กับแม่ของเราอีกครับ

บอกรักแม่  ก่อนที่ไม่มีแม่ให้บอกรัก กอดแม่ก่อนไม่มีแม่ให้กอด  ทำให้แม่ชื่นใจ และภาคภูมิใจในตัวเรา เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ หลายคนทำสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ลองมองหาสิ่งใหม่ๆ ทำให้กับท่านมากขึ้นสิครับ

แม่คือผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก

ด้วยความปรารถนาดี จาก
คริสตจักรแห่งสันติภาพ (กรุงเทพฯ)

หมาป่าในคราบแกะ


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2011

พระธรรม มัทธิว 7:15-23
พระธรรมก่อนหน้านี้ พระเยซูได้บอกว่าทางไปสวรรค์นั้นก็คับแคบ คนหาพบก็มีน้อย อุปสรรคมากมาย ส่วนทางไปสู่ความตายนั้นก็กว้างใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มาถึงพระธรรมตอนนี้ พระเยซูได้ขยายความของคำว่าอุปสรรคอย่างหนึ่งก็คือ การล่อลวงของผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ หรือคำสอนเท็จ พระเยซูบอกว่าพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จนั้นนุ่งห่มดุจแกะแต่ภายในร้ายกาจดุดหมาป่า ซึ่งเราจะได้เห็นว่าหมาป่าในคราบของแกะจากพระธรรมตอนนี้เป็นอย่างไร เราสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน 4 ประการ คือ

1.โกหกหลอกลวง (ข้อ15)
ผู้เผยพระวจนะ คือ ผู้สื่อสารพระประสงค์ของพระเจ้าต่อประชากรของพระองค์ แต่ผู้เผยพระวจนะเท็จ คือผู้ที่อ้างว่าพระเจ้าใช้ตนเองให้มาพูดโดยที่พระเจ้าไม่ได้ใช้ หรือพูดตามใจตนเอง ตามความรู้สึกของตนเอง ซึ่งพระเยซูบอกว่าจะมีเกิดขึ้นมากมาย ในอดีตมีลัทธิสอนผิดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลัทธิยูดาห์ ที่สอนว่า ความรอดนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องผ่านการเข้าสุหนัตและประพฤติตามธรรมบัญญัติด้วย  อ.เปาโล ได้เตือนว่าให้ระวังตัวให้ดี เพราะว่าจะมีสุนัขป่าเข้ามาในหมู่พวกท่าน (กจ.20:28-30) ในปัจจุบันก็มีลัทธิสอนผิดแพร่ขยายไปทั่วโลก เช่น มอร์มอน พยานพระยะโฮวาห์ มูนนี่  เป็นต้น ดังนั้นเราต้องระมัดระวังคำสอนที่ผิดไปจากพระคัมภีร์  อ.เปาโลได้เตือนทิโมธี ให้เป็นคนหนักแน่นมั่นคง อดทน ทำหน้าที่ให้สำเร็จ (2ทธ.4:3-5) (2ทธ.3:5-7) ผู้เลี้ยงต้องสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้าให้ชัดเจน   เราต้องตรวจสอบคำเผยพระวจนะที่เราได้ยินหรือมาถึงเรา โดยดูว่าขัดแย้งกับหลักการพระคัมภีร์หรือไม่ ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องยืนหยัดแม้ว่าจะต้องเสียประโยชน์ สั่งสอนพระวจนะอย่างตรงไปตรงมาแม้ว่าอาจจะมีบางคนไม่ชอบ

2.ภายนอกดูดีแต่ภายในร้ายกาจ (ข้อ15, 22)
พวกสอนเท็จเป้าหมายสูงสุดของพวกเค้าคือการทำลายฝูงแกะของพระเจ้า แรงจูงใจภายในนั้นเต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้าย ภายนอกดูก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนทั่วไป อาจจะดูดี สุภาพ น่านับถือ แต่ภายในตรงกันข้าม อ.เปาโล บอกว่า จะแปลกอะไรที่คนรับใช้ของซาตานจะปลอมเป็นรับใช้ของความชอบธรรม (2คร.11:13-15) มี 2 สิ่งที่เราต้องตระหนัก

2.1 ดูเพียงรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ (ข้อ15)
ภายนอกอาจจะดูสุภาพเรียบร้อย ดูดี น่าไว้วางใจ น่าศรัทธา น่าให้ความเคารพนับถือ เช่นแต่งตัวดูดี พูดจาดี มีอัธยาศัยดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เราก็เคยได้ยินข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วว่า โจรใส่สูทผูกไท ขับรถเก๋งคันหรูบุกเข้างัดบ้าน เราไม่ควรมองดูเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น พระคัมภีร์บอกว่า เขานุ่งห่มดูแกะ หมายถึงดูผิวเผิน หรือภายนอกก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่เชื่อพระเจ้า  พระคัมภีร์บอกว่า พวกผู้เผยพระวจนะเท็จเป็นเหมือนหลุมศพที่ฉาบปูนขาว (อสค.13:1-10) ซึ่งดูภายนอกสวยงามดีแต่ภายในบรรจุศพที่เน่าเปลื่อยเอาไว้ ดังนั้นเราจึงดูแต่เพียงภายรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้

2.2 ดูเพียงการกระทำไม่ได้ (ข้อ22)
พระคัมภีร์บอกว่า เขาร้องแก่เราว่า ข้าพระองค์ได้กล่าวพระวจนะ ได้ดขับผีออก ได้กระทำการอัญจรรย์ ในนามของพระองค์ มิใช่หรือ คนมากมายได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่ใช่พวกสอนผิด แม้กระทั่งผีก็ยังทำการอัศจรรย์ได้ เราไม่สามารถดูเพียงการกระทำของเขาได้ เพราะว่าเขาอาจจะกระทำเหมือนกับที่คริสเตียนทำ แต่การกระทำของเขามีบางอย่างซ่อนอยู่ภายใน  คริสเตียนไม่ได้ปฏิเสธการอัศจรรย์ หรือว่า ต่อต้าน แต่เราต้องตรวจสอบให้ดีว่าแหล่งที่มาของการอัศจรรย์นั้นมาจากไหน การอัศจรรย์มารซาตานก็ทำได้ มันสามารถแสดงหมายสำคัญใหญ่  (วว.13:13-15) ในยุคสุท้ายจะมีการอัศจรรย์มากมายหลายอย่างเกิดขึ้น จะมีสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้น  อย่าดูเพียงการกระทำภายนอกเท่านั้น

3. ดูผลที่ปลายทาง (ข้อ16-23)
พระเจ้าให้ดูที่ผลของมันว่าเป็นอย่างไร ต้นไม้ดีก็ย่อมให้ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว ไม่ว่าคนจะกระทำอย่างไร แต่ท่าทีภายในมันจะแสดงออกมาให้เห็นในวันสุดท้าย หรือที่เรียกว่า ธาตุแท้ก็ปรากฎให้เห็นในที่สุด  ผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จก็จะแสดงออกมาให้เห็นในที่สุด วันหนึ่งคราบของแกะที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอกก็จะหลุดออกไป ผลที่ปลายทางจะเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นว่า อะไรคือของจริงของปลอม  เราต้องทำด้วยท่าทีที่ถูกต้อง เพื่อว่าวันหนึ่งผลที่ปรากฎออกมาจะเป็นผลที่ดีและยั่งยืน ถ้าเราสอนพระวจนะของพระเจ้าให้กับสมาชิก ให้กับลูกแกะของเรา วันหนึ่งเมื่อเข้าเผชิญกับปัญหาเขาจะสามารถเอาชนะอุปสรรคปัญหาเหล่านั้นไปได้ด้วยการยึดพระวจนะเป็นหลัก 

เราควรให้ความสำคัญกับการสอนสิ่งที่ถูกต้อง นั่นคือพระวจนะของพระเจ้า เราต้องเรียนรู้จักพระวจนะของพระเจ้าให้เกิดความเข้าใจ และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ให้เราเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตให้กับคนที่อยู่รอบข้างเรา ให้เราระมัดระวังที่จะไม่อ้างพระเจ้าถ้าสิ่งนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

พระเจ้าอวยพรครับ