23 ธันวาคม 2553

หยั่งรากในพระคริสต์


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2010

จากพระธรรม โคโลสี 1:3-6

                อาจารย์เปาโล ได้หนุนใจพี่น้องที่โคโลสี โดยมองดูสิ่งดีที่เขาได้ทำมาในอดีต ทำให้อาจารย์เปาโลต้องขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่นึกถึงพี่น้องที่โคโลสี เพราะเหตุที่พี่น้องที่โคโลสีได้ฝากชีวิตของพวกเค้าไว้กับพระเจ้า และยังได้ให้กำลังใจกับพี่น้องให้เดินอยู่ในทางของพระเจ้าอย่างมั่นคงต่อไป สิ่งที่อาจารย์เปาโลหนุนใจให้พี่น้องที่โคโลสีทำคือ การหยั่งรากไว้ในพระเยซูคริสต์ เพื่อชีวิตของพวกเค้าจะจำเริญขึ้น 3 ประการ ดังนี้

1 หยั่งลึกในความเชื่อ (คส.1:4)
                อาจารย์เปาโลได้ยินความเชื่อของพี่น้องที่โคโลสี ความเชื่อที่อาจารย์เปาโลกล่าวถึงนี้ ได้ให้ภาพไว้ 2 ลักษณะ คือ
1.1 ความเชื่ออย่างมั่นคง
                ความเชื่อแบบนี้ เปรียบเสมือน สมอเรือที่ทำให้เรือจอดอยู่ได้ เพราะถ้าไม่มีสมอเรือก็ไม่สามารถที่จะจอดลอยลำอยู่ได้ แต่จะถูกกระแสน้ำพัดพาไป เหมือนชีวิตของเราถ้าไม่มีสิ่งที่เราจะสามารถยึดเกาะไว้ก็ทำให้เราไหลไปตามกระแสของโลกได้ อาจารย์เปาโลได้หนุนใจให้พี่น้องที่โคโลสียึดความเชื่อเอาไว้ให้มั่นคง เพราะว่าในเวลานั้นมีคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปเผยแพร่เข้ามามีอิทธิพลในหมู่ของผู้เชื่อ
1.2 เชื่อในพระเยซูคริสต์
                 ไม่เพียงแต่มีความเชื่ออย่างมั่นคงเท่านั้น แต่ต้องมีความเชื่ออย่างมั่นคงในพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ถ้าเราเชื่อถูกต้องชีวิตของเราก็จะถูกต้องด้วย เราต้องหยั่งลึกลงในความเชื่อที่มีพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง เพราะพระองค์ทรงเป็นความรอดของเราและเป็นกำลังของเรา

2 หยั่งลึกในความรัก (คส.1:4)
                  ความเชื่อกับความรักนั้นมีความสัมพันธ์ต่อกัน เมื่อมีความเชื่อก็จะมีความรักและจะแสดงออกมา (กท.5:6) ถ้ามีความเชื่อในพระเยซูต้องรักพระเยซูและรักคนอื่นด้วย ในอดีตเราเห็นคนมีความรักต่อกันและกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าไปที่ไหน เราสามารถที่จะไปขอน้ำขออาหารกินได้ บางที่บางแห่งสามารถขอพักค้างแรมได้ แต่ปัจจุบันเราจะหาภาพอย่างนั้นได้ยากมาก

3 หยั่งลึกในความหวัง (คส.1:5-6)
                  ความเชื่อ ความรัก จะถูกค้ำจุนด้วยความหวัง ความเชื่อจะมั่นคงได้ต้องมีความรัก และความรักจะเกิดขึ้นได้ต้องมีความหวัง อาจารย์เปาโล ให้เรามีความคาดหวัง ให้เราหยั่งรากชีวิตของเราลงในความหวังที่พระเจ้าจะทารงประทานให้กับเรา ความหวังที่อาจารย์เปาโลต้องการให้เกินขึ้นในชีวิตของเรา มีอะไรบ้าง 2 ประการคือ
3.1 หวังในสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ (คส.1:5)
                  ความหวังใจของเราไม่ได้อยู่ที่สิ่งของในโลกนี้ แต่อยู่ที่สวรรค์เบื้องบน ที่เราจะต้องกลับไปรับเอา เป็นสิ่งที่เราได้สะสมเอาไว้เมื่อเราอยู่ในโลกนี้ พระเจ้าได้เตรียมไว้สำหรับเราแล้ว (1ปต.1:4) เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเราทั้งหลาย แม้แต่ทูตสวรรค์ ผู้พยากรณ์ ผู้เผยพระวจนะยังสืบเสาะหา
3.2 หวังในข่าวประเสริฐ (คส.1:5-6)
                  ความหวังที่อาจารย์เปาโลต้องการให้เราหยั่งลึกลงไปนั้น ต้องเป็นความหวังที่เกิดจากข่าวประเสริฐ เป็นความหวังที่ตั้งอยู่บนรากฐานของพระวจนะของพระเจ้า ตั้งอยู่บนความจริงแห่งข่าวประเสริฐ (1ปต.1:21) เพราะข่าวประเสริฐเป็นฤทธิ์เดชที่จะเปลี่ยนชีวิตของเรา ข่าวประเสริฐมาถึงเราทำให้เราได้รับชีวิตใหม่

 ดังนั้น จงแสวงหาความจริงจากพระวจนะของพระเจ้าอยู่เสมอ จงหยั่งรากลง จงมอบชีวิตของท่านให้กับพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงอวยพรชีวิตของท่าน (ดูได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

15 ธันวาคม 2553

ความคาดหวังของเปาโล


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2010

พระธรรม โคโลสี 1:1-2
พระธรรมโคโลสี เขียนโดยอาจารย์เปาโล ถึงพี่น้องที่เมืองโคโลสี ประมาณปี ค.ศ. 60 เมืองโคโลสีเป็นเมืองเล็กๆ แต่มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางผู้เชื่อ เมื่ออาจารย์เปาโลได้ข่าวมา จึงได้เขียนจดหมายมาหาเพื่อหนุนจิตชูใจและตักเตือนพี่น้องที่นั่น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อาจารย์เปาโลมีความเป็นห่วง 3 สิ่งด้วยกันคือ สิ่งแรก เริ่มมีการนมัสการทูตสวรรค์ (คส.2:18-19) แทนการนมัสการพระเจ้า เพราะคิดว่าทูตสวรรค์เป็นพระเจ้า สิ่งที่สอง เน้นที่การกระทำภายนอกมากกว่าท่าทีภายใน (คส.2:7) นั่นคือเน้นที่การกระทำ เพราะมีการสอนว่าจะรอดได้ต้องมีการเข้าสุหนัตในแบบดั่งเดิม สิ่งที่สาม มีหลักปรัชญาคำสอนของมนุษย์เกิดขึ้นมากมาย และเริ่มที่นำเข้ามาสอนในคริสตจักร ทำให้เกิดการสับสนในหมู่ผู้เชื่อ ทำให้อาจารย์เปาโลต้องเขียนจดหมายฝากมากับเอปาฟรัส เมื่ออาจารย์เปาโลส่งจดหมายมาหาแล้วอาจารย์เปาโลคาดหวังว่าเมื่อพี่น้องผู้เชื่อที่เมืองโคโลสีเมื่อได้อ่านจดหมายแล้วจะเข้าใจและทำตาม สิ่งที่อาจารย์เปาโลคาดหวังมี 3 สิ่งคือ

     1 เดินตามน้ำพระทัยพระเจ้า (คส.1:1)
อาจารย์เปาโลคาดหวังว่าพี่น้องที่โคโลสีจะเดินตามน้ำพระทัยพระเจ้า เหมือนที่อาจารย์เปาโลได้เดินตามน้ำพระทัยพระเจ้า ตลอดชีวิตของอาจารย์เปาโลตั้งแต่ได้รู้จักกับพระเจ้ามาอาจารย์เปาโลพยายามดำเนินชีวิตให้อยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าเสมอมา เราเห็นได้จากจดหมายที่อาจารย์เปาโลเขียน โดยขึ้นต้นว่า “ข้าพเจ้าเปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า” ถึง 4 ฉบับด้วยกันคือ 1โครินธ์ โคโลสี เอเฟซัส และ 2ทิโมธี คริสเตียนจะต้องดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ต้องอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้าเสมอ เราเห็นกษัตริย์ดาวิดมีบอกว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปิติยินดีในการกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์” (สดด.40:8) คนที่เดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้าจะรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าและจะดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม อาจารย์เปาโลจึงได้วิงวอนให้พี่น้องที่กรุงโรมถวายตัวให้กับพระเจ้าเพื่อจะได้รู้น้ำพระทัยของพระเจ้า (รม.12:1-2) คนที่เดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้ากับคนที่เดินตามความคิดของตนเองจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ (วว.12:6) น้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับเราทั้งหลายคือการรับใช้พระองค์ ประกาศพระนามของพระองค์ด้วยสิทธิอำนาจ
     
     2 อยู่เพื่อพระเจ้า (คส.1:1)
ไม่เพียงแต่อาจารย์เปาโลคาดหวังให้เราเดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้าแล้ว ยังคาดหวังให้เรามีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าอีกด้วย เราต้องตระหนักว่าพระเจ้าเลือกเราและแยกเราออกมาแล้วจากความบาปผิด มาสู่ความบริสุทธิ์ของพระองค์ เราได้รับการไถ่แล้วโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เจ้า ชีวิตเราต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนเรามีเป้าหมายเพื่อตัวเราหรือคนรอบข้างเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ได้มีเป้าหมายเช่นนั้นอีกแล้ว แต่เราจะมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าและเพื่อคนอื่นอีกด้วย เราควรจะมีค่านิยมแบบใหม่ เป็นค่านิยมที่ถูกต้องตามแบบพระคัมภีร์ เพราะว่าเราได้รับการเลือกสรรมาเพื่อทำสิ่งที่พิเศษเพื่อพระเจ้า (1ปต.2:9) ไม่เพียงแต่ตัวเราเท่านั้นที่ได้ถูกแยกออกมาให้บริสุทธิ์ แต่ทุกสิ่งที่เรามี ทุกสิ่งที่เราจับต้อง ทุกสิ่งที่เราครอบครองอยู่ ก็ถูกแยกไว้สำหรับพระเจ้าและพระราชกิจของพระองค์เช่นกัน เราจึงไม่เหมือนเดิมแล้วทั้งความคิด จิตใจ เป้าหมาย ความต้องการต่างๆ เราไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปวันๆ เท่านั้น แต่เราจะอยู่เพื่อรับใช้พระเจ้า ประกาศพาคนมาหาพระเจ้า สอนคนเหล่านั้น

3 มีความสัตย์ซื่อ (คส.1:1)
       เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์แล้ว เราต้องสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้าอย่างคงเส้นคงวา ต้องรักษาความเชื่อไว้อย่างขันแข็งตลอดชีวิตของเรา แม้ว่าพระเจ้าที่เราเชื่อเรายังไม่เคยเห็นก็ตาม (1ปต.1:8-9) ความเชื่อในพระเจ้าเป็นเหมือนรางวัล หรือโบนัส หรือมรดก เมื่อถึงเวลาเราก็จะได้รับ โยชูวาได้บอกว่า “ข้าพเจ้าได้ติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ” ยชว.14:8 อาจารย์เปาโลหนุนใจพี่น้องด้วยชีวิตของท่าน (อฟ.6:21) ท่านรับใช้พระเจ้าอย่างซื่อสัตย์เสมอมา ตั้งแต่ก่อนท่านจะมาพบกับพระเยซูคริสต์ระหว่างทางไปดามัสกัสเสียอีก ดังนั้นให้เราใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตของเราทุ่มเทให้กับพระเจ้าแล้วเราจะเห็นพระพรจากพระเจ้าอย่างมากมายในชีวิตของเรา

ผลที่จะเกิดขึ้นเมื่อทำตามความคาดหวังของอาจารย์เปาโล 2 ประการ
1 ได้รับพระคุณจากพระเจ้า (คส.1:2)
พระคุณของพระเจ้าจะมีบริบูรณ์ในชีวิตของเราสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะต้องเสียก็จะไม่เสียไป สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ก็จะได้ สิ่งที่ขาดอยู่พระองค์ก็จะทรงเพิ่มเติมให้อย่างอัศจรรย์ พระคุณของพระเจ้ามีเพียงพอสำหรับเราเสมอ อาจารย์เปาโลบอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราอ่อนแอฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็จะเต็มขนาดขึ้นที่นั่น (2คร.12:9

2 ได้รับสันติสุขจากพระเจ้า (คส.1:2)
สันติสุขที่พระเจ้ามอบให้ไม่เหมือนกับความสุขของโลกนี้ ไม่มีใครสามารถมาแย่งชิงเอาไปจากเราได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเงินมากหรือน้อย หรือไม่มีเงินเลย ก็สามารถที่จะรับสันติสุขจากพระเจ้าได้ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตามถ้าหากเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์และเดินติดตามพระเจ้าอย่างจริงใจและสัตย์ซื่อ มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าเท่านั้นท่านก็จะได้รับสันติสุขแล้ว (ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

11 ธันวาคม 2553

ตอบสนองการมุ่งร้าย


สรุปคำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2010

พระธรรมเนหะมีย์ 6:1-19

เนหะมีย์กำลังเผชิญกับการมุ่งร้ายจากโทบีอาห์ สันบาลลัทและพรรคพวก โดยพุ่งเป้าไปที่ตัวของเนหะมีย์ เพราะถ้าหากสามารถที่จะจัดการกับเนหะมีย์ได้ก็จะสามารถหยุดยั้งได้ มารซาตานใช้วิธีการแบบนี้เสมอ มันจะพุ่งเป้าไปที่ผู้นำ ถ้ามันต้องการจะหยุดยั้งงานของพระเจ้า เนหะมีย์ตอบสนองต่อการมุ่งร้ายอย่างไร เราจะมาดูเนหะมีย์ว่าทำอย่างไร ก่อนอื่นให้เรามาดูรูปแบบของการมุ่งร้ายก่อนว่ามีอะไรบ้าง
1 ข่มขู่ทำร้าย (v1-4)
โทบีอาห์กับสันบาลลัทและพักพวกเริ่มใช้วิธีการที่รุนแรงขึ้นเพื่อทำให้เนหะมีย์เกิดความกลัว โดยส่งคนไปหาและบอกให้เนหะมีย์ให้ออกไปพบกันเพื่อจะได้พูดคุยกัน ทำอย่างนี้ถึง 4 ครั้ง เพราะว่าโทบีอาห์ต้องการที่จะลอบทำร้ายเนหะมีย์
2 ทำลายชื่อเสียง (v5-9)
เมื่อข่มขู่ไม่สำเร็จ ครั้งนี้ส่งจดหมายเปิดผนึก กล่าวหาว่ากำลังกบฏต่อกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส และจะตั้งตนเองเป็นพระราชาแห่งยูดาห์  จึงเรียกให้ออกไปพบเพื่อที่จะพูดคุยกัน ถ้าหากไม่ยอมออกไป ก็จะเอาเรื่องนี้ไปทูลให้กับกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสทรงทราบ มารต้องการทำลายชื่อเสียง เพราะการมีชื่อเสียงดีก็ดีกว่าความมั่งคั่งมากมาย
3 หลอกลวง (v10-14)
เมื่อกล่าวร้ายไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีการล่อลวงให้ทำสิ่งผิด หลอกให้เนหะมีย์ไปหลบซ่อนตัวในพระวิหารของพระเจ้า เพราะว่าถ้าอยู่ที่นั่นจะปลอดภัย เนื่องจากไม่มีใครเข้าไปได้อย่างแน่นอน ทั้งหมดนั้นเป็นรูปแบบของมารซาตานที่มักจะนำมาใช้ทำลายคนของพระเจ้า

เรามาดูการตอบสนองของเนหะมีย์ว่าเขาทำอย่างไร
1 ใช้สติปัญญา (v1-3)
เนหะมีย์รู้ทันอุบายและเข้าใจความคิด ของสันบาลลัทและโทบีอาห์ เนหะมีย์ได้เห็นพฤติกรรมต่างๆ ของสันบาลลัทและโทบีอาห์ ข้อความในจดหมายนั้นซ่อนหรือแอบแฝงอะไรไว้ เนหะมีย์อ่านความคิดในใจออก ประสบการณ์มาก รู้ว่ากำลังอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าเป็นอย่างไร ตอบกลับไปอย่างมีสติปัญญา ไม่ได้ใช้อารมณ์ เนหะมีย์ควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ดังนั้น ให้เราใช้สติปัญญา ไม่ใช้อารมณ์ และที่สำคัญเราต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้
2 ไม่ประนีประนอม (v4)
เนหะมีย์ถูกรบเร้าถึง 4 ครั้ง แต่ไม่ได้โอนอ่อนผ่อนตามการรบเร้า บางคนอาจจะยอมทำเพราะทนต่อการรบเร้าไม่ไหว หรือไปเพราะเกรงใจ คริสเตียนเป็นคนที่มีความเกรงใจคนอื่น แต่ก็ไม่ประนีประนอม ถ้าสิ่งใดไม่ถูกต้องก็ไม่ยอมทำตามเช่นกัน การโอนอ่อนผ่อนตามในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็จะเป็นผลเสีย ตัวอย่างของซาอูล โอนอ่อนผ่อนตามเสียงเรียกร้องของประชาชน พี่น้องที่รักแม้ว่าคนรอบข้างจะรบเร้าสักเท่าใดก็ตามเราจะต้องไม่โอนอ่อนผ่อนตามหรือทำบาปต่อพระเจ้า
3 ยึดมั่นในหลักการ (v11)
เนหะมีย์ถูกหลอกให้เข้าไปซ่อนตัวในพระวิหาร ถ้าเนหะมีย์เข้าไปก็เป็นการทำผิดธรรมบัญญัติของพระเจ้า คำเชิญชวนบางครั้งดูเหมือนดี ดูแล้วก็เป็นสิ่งปรกติที่คนทั่วๆไปเขาทำกัน แต่ความเป็นจริงแล้วมันผิดในหลักการของพระเจ้า เราต้องยืนหยัดในหลักการ ถ้าเรารักษาพระบัญญัติของพระเจ้าก็เท่ากับเรารักษาชีวิต 
4 ไม่ท้อถอย (v9, 15-16)
เนหะมีย์ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่เนหะมีย์ก็ไม่ย่อท้อ ยิ่งมีแรงกดดันมากขึ้นเนหะมีย์ก็ยิ่งทำงานหนักขึ้นจนสามารถเอาชนและประสบความสำเร็จใน 52 วัน ดังนั้นถ้าเราไม่ย่อท้อแล้วความสำเร็จก็จะเป็นของเรา อัครทูตแม้ว่าจะถูกจับติดคุก แม้พระเจ้าช่วยเค้าออกมาแล้วก็ยังประกาศต่อไป เราต้องอดทน ไม่ท้อถอย แล้วสิ่งต่างๆ ก็จะพ่ายแพ้ไป

พี่น้องที่รักครับไม่ว่าวันนี้เรากำลังเผชิญอยู่กับปัญหาสิ่งใดๆ จงรู้เถอะว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา พระองค์จะทรงนำพาทุกย่างเท้าของเรา ขอเพียงเรายืนหยัดมั่นคงในพระวจนะของพระเจ้า ไม่ท้อถอย รอคอยพระเจ้า ชัยชนะและความสำเร็จที่พระเจ้าจะประทานให้กับเรา (ดูเนื้อหาที่ www.churchofpeace2010.org)

ขอพระเจ้าอวยพรครับ